เปิดฉากแล้ว "การแข่งขันกีฬาขี่ม้ายิงธนู DAF DND Archery Festival ๒๐๒๕ Thailand" ที่ ยะลา คึกคักนักกีฬาไทย-ต่างชาติร่วมลุย

เผยแพร่เมื่อ ๐๙ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

เปิดฉากแล้ว! การแข่งขันกีฬาขี่ม้ายิงธนู DAF : DND : Archery Festival ๒๐๒๕ Thailand ที่ยะลา คึกคักนักกีฬาไทย-ต่างชาติร่วมลุย


        การแข่งขันกีฬาขี่ม้ายิงธนู “DAF : DND : Archery Festival ๒๐๒๕ Thailand” ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ระหว่างวันที่ ๙-๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๘ ณ สนามแข่งม้า DAD อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา บรรยากาศคึกคักด้วยนักกีฬาและผู้ชมจากทั้งในประเทศและต่างชาติ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่เดินทางมาร่วมแข่งขันและเชียร์อย่างอย่างคับคั่ง พร้อม กิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมและกีฬาพื้นบ้านหลากหลาย

        พิธีเปิดงานมีนายมาหะมะยากี หะยีมะนายอำเภอบันนังสตา เป็นประธาน พร้อมด้วยนายดุลเลาะ สาลอ ประธานจัดการแข่งขันฯ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรภาครัฐและเอกชน ตลอดจนนักกีฬาและผู้สนใจร่วมงานอย่างอบอุ่น

        กิจกรรมการแข่งขันในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยความหลากหลาย ประกอบด้วย การแข่งขันยิงธนูแบบดั้งเดิมและขี่ม้ายิงธนู เพื่อสืบสานศิลปะการยิงธนูโบราณ กีฬาตะกร้อและเปตอง กีฬายอดนิยมที่เสริมสร้างทักษะและความสัมพันธ์ในชุมชน การแข่งขันหมากฮอส เพื่อฝึกทักษะการคิดเชิงกลยุทธ์ รวมไปถึง บูธจำหน่ายอาหารพื้นบ้านและสินค้าชุมชน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและการพึ่งพาตนเองของประชาชนในพื้นที่

        การจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานต่างๆ ทั้ง อำเภอบันนังสตา, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) สาขายะลา, สมาคมกีฬาจังหวัดยะลา, องค์การบริหารส่วนตำบล, ผู้นำชุมชน, และเครือข่ายเยาวชนท้องถิ่น โดยวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการกีฬา อนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างความสามัคคีในชุมชน และใช้กีฬาเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงคนในพื้นที่ให้เกิดความร่วมมือและความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น


        นายดุลเลาะ สาลอ ประธานจัดงาน เปิดเผยว่า “การแข่งขันครั้งนี้ เป็นโอกาสให้นักกีฬาไทยได้ยกระดับฝีมือและพบปะกับนักกีฬาจาก ๖ ประเทศ ทั้ง มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, บรูไน, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น นอกจากนี้ ทีมที่ชนะเลิศจะได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันที่ประเทศมองโกเลียในลำดับต่อไป”

        ทางด้าน ด.ญ.อัมบรีน วานา อายุ ๑๒ ปี นักเรียนชั้น ม.๑ โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิยะลา กล่าวว่า “ฝึกยิงธนูมาตั้งแต่เรียนอนุบาล ๒ และชอบกีฬานี้ เพราะช่วยฝึกความอดทนและมีสมาธิ การได้ร่วมแข่งขันทำให้ภูมิใจที่ได้อนุรักษ์กีฬาโบราณของบ้านเรา”


        การรวมพลังของชุมชนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนความเข้มแข็งของท้องถิ่น แต่ยังเป็นต้นแบบการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน