วันนี้ (๑๙ ส.ค.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม ร่วมกับ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้บังคับการปราบปราม และ พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์ รอง ผกก.๒ บก.ป. แถลงเปิดปฏิบัติการ “Village Fund Zero Fraud กองทุนหมู่บ้านไร้โกง” จับกุมผู้ต้องหาฉ้อโกงกองทุนหมู่บ้าน ความเสียหายมูลค่าเกือบ ๘ ล้านบาท
โดยปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ๑ ราย ชื่อนายจิราณัฏฐ์ หรือหน่อย อายุ ๕๗ ปี ชาว จ.นครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ ๔๗๗๕/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๘ ในข้อหาฉ้อโกง ปลอมและใช้เอกสารปลอม นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และฟอกเงิน โดยสามารถจับกุมได้ที่คอนโดแห่งหนึ่งใน ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
สำหรับพฤติการณ์ทางคดี พ.ต.ท.พงศกร เล่าว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.๒ บก.ป. ดำเนินคดีกับ นายจิราณัฏฐ์ นิชากรวัฒนสิริ เนื่องจากแอบอ้างว่าทำงานอยู่ที่มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ สามารถให้การช่วยเหลือบริษัทของผู้เสียหายประมูลได้รับงานในโครงการภาครัฐและโครงการของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ หรือ กทบ. ซึ่งมีทั้งโครงการจริงและโครงการอุปโลกน์ จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่
๑. โครงการทำถนนของหน่วยทหารพัฒนา ซึ่งโครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง
๒. โครงการ ๗๒ พรรษา น้ำพระทัยสู่ชุมชน เป็นโครงการบริจาคถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ให้กับชุมชนในพื้นที่ ๗๒ จังหวัด อ้างว่าเป็นของหน่วยทหารพัฒนา ซึ่งโครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง
๓. โครงการสนับสนุน เสริมสร้าง ศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนอย่างมั่นคงของ กทบ. หรือโครงการ SML ซึ่งโครงการดังกล่าวมีอยู่จริง แต่เป็นโครงการที่แต่ละกองทุนหมู่บ้านต้องเป็นคนยื่นเรื่องเข้ามาของบกับ กทบ. เอง
สำหรับแผนประทุษกรรมนั้น ผู้ต้องหาจะทำทีปลอมเอกสารโครงการต่าง ๆ ให้ผู้เสียหายดู รวมทั้งนำภาพถ่ายที่อ้างว่าถ่ายกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในทางราชการและนักการเมือง เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อว่ารู้จักและอ้างว่าจะสามารถวิ่งเต้นในโครงการต่าง ๆ ได้
เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินเพื่อเป็นค่าดำเนินการให้กับผู้ต้องหา ตั้งแต่ปี ๒๕๖๖-๒๕๖๘ รวมจำนวน ๘๙ ครั้ง รวมเป็นเงิน ๗,๘๓๖,๐๐๐ บาท แต่ภายหลังผู้เสียหายทราบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้ดำเนินการตามที่แอบอ้างและไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการหรือหน่วยงานแต่อย่างใด แต่กลับนำเงินโอนต่อไปยังบุคคลในครอบครัวและนำไปซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น รถแบคโฮ วัว เป็นต้น
ต่อมาวันที่ ๑๘ สิงหาคม หลังจากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนขออำนาจศาลออกหมายจับ ก็ได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา รวมทั้งสามารถตรวจยึดทรัพย์สิน เป็นรถยนต์หรูจำนวน ๓ คัน สมุดบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสด โทรศัพท์มือถือ และเอกสารจำนวนมาก เบื้องต้นขณะนี้ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอไม่ให้การใด ๆ โดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะขยายผลเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินของผู้ต้องหา เพื่อให้ติดตามทรัพย์สินคืนแก่ผู้เสียหายต่อไป
นอกจากนี้ ทางตำรวจเชื่อว่า ผู้ต้องหาอาจจะไม่ได้ทำกับผู้เสียหายรายนี้เพียงรายเดียว แต่เป็นประเด็นที่อยู่ในระหว่างการสืบสวนเพิ่มเติม เบื้องต้นยืนยันว่า ไม่พบผู้ร่วมขบวนการรายอื่นเพิ่มเติม ส่วนบุคคลในครอบครัวที่รับโอนเงินนั้น กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่ารับรู้หรือไม่ถึงการกระทำของผู้ต้องหาหรือไม่ ถ้ารู้ก็จะมีส่วนผิดเช่นเดียวกัน สำหรับมูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นั้น จากการตรวจสอบได้รับการยืนยันจากมูลนิธิว่า ผู้ต้องหาไม่เคยทำงานด้วยหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับมูลนิธิแต่อย่างใด
ทั้งนี้ พ.ต.อ.เอนก ยังขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่า หากพบบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมแอบอ้างรู้จักกับข้าราชการระดับสูงหรือนักการเมือง รวมทั้งแอบอ้างว่าสามารถช่วยประมูลโครงการของรัฐ โดยเฉพาะโครงการของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สามารถแจ้งความกับตำรวจสอบสวนกลางหรือสถานีตำรวจใกล้เคียง เพื่อตรวจสอบและขยายผลการจับกุมต่อไป
ด้านนายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้กล่าวว่า ทางสำนักงานได้จัดทำโครงการ SML เพื่อให้แต่ละหมู่บ้านเสนอโครงการกับสำนักงานและนำเงินไปใช้พัฒนาหมู่บ้าน โดยโครงการดังกล่าวนั้นโปร่งใสและมีกระบวนการที่ตรวจสอบได้ จึงขอพี่น้องประชาชน อย่าหลงเชื่อบุคคลที่อ้างว่าจะเป็นคนกลางที่สามารถวิ่งเต้นประมูลโครงการเหล่านี้ได้
ข่าว nbt