DIT ลงพื้นที่ระนอง ตรวจเข้มข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ป้องกันลักลอบนำเข้า–กดราคารับซื้อ โทษหนักทั้งจำทั้งปรับ

เผยแพร่เมื่อ ๑๘ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ ๑๔–๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๘ ได้ลงพื้นที่จังหวัดระนอง เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน การนำเข้า และการขนย้ายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามนโยบายของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร และกำกับดูแลราคาสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพ  

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีการตรวจสอบการนำเข้าและการขนย้ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจกองตรวจสอบและปฏิบัติการ นายตรวจชั่งตวงวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดระนอง โดยลงพื้นที่ด่านศุลกากรจังหวัดระนอง และตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการท่าเรือทั้งภาครัฐและเอกชน

การปฏิบัติการเป็นความร่วมมือบูรณาการจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ กรมศุลกากร กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์ การท่าเรือและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อควบคุมการนำเข้าและการขนย้ายให้เป็นระบบ ป้องกันการลักลอบนำเข้า และให้การขนย้ายดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

รองอธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้ผลิตข้าวโพดของไทยเริ่มออกสู่ตลาด กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์โดยเฝ้าระวังสถานการณ์ด้านปริมาณ ราคา การรับซื้อ และการขนย้ายสินค้าเกษตรตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด โดยจัดส่งสายตรวจพิเศษลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องปรามการขนย้ายที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและตรวจสอบการรับซื้อขายตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรในฤดูกาลผลิตนี้

พร้อมกันนี้ ได้เตือนผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ และ พระราชบัญญัติชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี้ กรณีไม่แสดงราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท แสดงราคารับซื้อไม่ถูกต้อง หรือขนย้ายไม่ตรงตามใบอนุญาต จำคุกไม่เกิน ๕ ปี หรือปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กดราคารับซื้อ จำคุกไม่เกิน ๗ ปี หรือปรับไม่เกิน ๑๔๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ไม่แจ้งปริมาณหรือสถานที่เก็บ จำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท และปรับรายวันไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท จนกว่าจะปฏิบัติถูกต้อง ดัดแปลงเครื่องชั่งตวงวัดหรือโปรแกรมที่ใช้กับเครื่องชั่ง จำคุกไม่เกิน ๗ ปี หรือปรับไม่เกิน ๒๘๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนได้ที่ สายด่วน ๑๕๖๙ หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ