รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ จ.ตาก ติดตามการพัฒนาสนามบินตาก และการปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ

เผยแพร่เมื่อ ๑๗ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ จ.ตาก ติดตามการพัฒนาสนามบินตาก และการปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ พร้อมรับเครื่องบิน L-๔๑๐NG ลำใหม่เข้าประจำการ เสริมศักยภาพการบินดัดแปรสภาพอากาศ


วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๔.๐๐ น. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร ประธานคณะที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และคณะ


ลงพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดตาก ตำบลน้ำรึม อำเภอเมือง จังหวัดตาก เพื่อตรวจติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาสนามบินตาก และการปฏิบัติการฝนหลวงเติมน้ำในเขื่อนในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมี นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก พร้อมส่วนราชกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สนามบินตาก จะได้รับการพัฒนาเป็นฐานหลักในการปฏิบัติการบินดัดแปรสภาพอากาศเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ดับไฟป่า และบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM๒.๕ แทนศูนย์ปฏิบัติการเดิมที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีข้อจำกัดด้านรันเวย์ และเที่ยวบินพาณิชย์ ที่มีเป็นจำนวนมาก โดยจะมีแผนพัฒนาครอบคลุมทั้งการปรับปรุงผิวรันเวย์ ทางขับ ลานจอด ซ่อมแซมรั้วสนามบิน อาคารผู้โดยสาร ระบบสื่อสารและอุปกรณ์ช่วยการบิน นอกจากนี้ ยังมีแผนการจัดตั้งศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านการบิน เพื่อผลิตและพัฒนานักบิน ช่างอากาศยาน และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง พร้อมเครื่องฝึกบินเสมือนจริง (Full Flight Simulator) ซึ่งจะสามารถช่วยยกระดับมาตรฐานการบินของประเทศ และลดค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรมในระยะยาวได้


ด้านนายราเชน ศิลปะรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า ด้านการปฏิบัติการฝนหลวง ขณะนี้บริเวณภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จ.เชียงราย จ.พะเยา จ.น่าน และ จ.เชียงใหม่ ในหลายพื้นที่มีปริมาณฝนเพียงพอแล้ว แต่บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ จ.ลำพูน จ.ตาก จ.สุโขทัย จ.กำแพงเพชร จ.พิษณุโลก จ.พิจิตร และ จ.เพชรบูรณ์ ยังต้องการน้ำเร่งด่วนเพื่อรักษาผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งกรมฯ ได้วางแผนปฏิบัติการอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่อุทกภัย และมุ่งเน้นช่วยเหลือให้ตรงพื้นที่ที่ต้องการน้ำในภูมิภาคอื่นๆ โดยมีผลการปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ขึ้นบินปฏิบัติการจำนวน ๑๔๖ วัน ๑,๘๖๕ เที่ยวบิน มีฝนตกจากการปฏิบัติการถึงร้อยละ ๙๑.๘๔ ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกว่า ๒๑.๘๑ ล้านไร่ และเติมน้ำเขื่อนสำคัญในภาคเหนือหลายแห่ง


โอกาสนี้ กรมฝนหลวงฯ ยังได้เปิดตัว เครื่องบินลำใหม่ L-๔๑๐NG จำนวน ๒ ลำ เพื่อเข้าประจำการสนับสนุนภารกิจการปฏิบัติการฝนหลวงและการดัดแปรสภาพอากาศ โดยเครื่องบินดังกล่าว มีสมรรถนะสูง เป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ในภูมิภาคอาเซียน ที่ติดตั้งระบบเฉพาะเพื่อการดัดแปรสภาพอากาศ สามารถบินไกลถึง ๒,๕๐๐ กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด ๔๑๗ กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมมีเทคโนโลยี Glass Cockpit Garmin G๓๐๐๐ ทันสมัยและปลอดภัย 


ทั้งนี้ การพัฒนาสนามบินตากและการเพิ่มขีดความสามารถด้านอากาศยานครั้งนี้เป็นการสืบสานและต่อยอดพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงริเริ่มโครงการพระราชดำริฝนหลวง และยังคงได้รับการสืบสาน รักษา และต่อยอด ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน.../