สืบเนื่องจากคำสั่งระดมกวาดล้างอาชญากรรมของ ตร.ให้จับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และบุคคลตามหมายจับ ในระหว่างวันที่ ๑๕-๒๔ ส.ค.๖๘ นั้น วันนี้ (๑๕ ส.ค.๖๘) กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๓ โดย พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.๓ พร้อมชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.๓ จึงได้วางแผนการกำหนดเป้าหมายและระดมจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับตามแนวนโยบาย ตร.ข้างต้น
โดยแบ่งชุดปฏิบัติการออกเป็น ๔ ชุดปฏิบัติ ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้วันเดียว ๔ หมายจับ ปรากฏรายละเอียดดังต่อไปนี้
๑) นายเดชา (สงวนนามสกุล) อายุ ๕๘ ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นฯ และความผิดตาม พรบ. คอมพิวเตอร์ (บัญชีม้า)” อายุความ ๑๐ ปี ความเสียหายกว่า ๔๐๐,๐๐๐ บาท
๒) นายเจี้ยนเหิง (Mr.Jianheng Xia) อายุ ๒๙ ปี สัญชาติจีน ตามหมายจับศาลแขวงพัทยา ในความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์” อายุความ ๑๐ ปี ความเสียหายกว่า ๔๐๐,๐๐๐ บาท
๓) นายสุนทร (สงวนนามสกุล) อายุ ๕๓ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดไชยา ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นฯ และความผิดตาม พรบ. คอมพิวเตอร์ (บัญชีม้า)” อายุความ ๑๐ ปี ความเสียหายกว่า ๒๐๐,๐๐๐ บาท
๔) นายวัน เหงียน ลูเยน (MR.NGUYEN VAN LUYEN) อายุ ๓๐ ปี สัญชาติเวียดนาม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงสมุทรปราการ ในความผิดฐาน “หลบหนีในระหว่างควบคุมตัว” ความผิดตาม พรบ.คนเข้าเมือง อายุความ ๑๐ ปี
พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ เปิดเผยว่า การระดมจับกุมในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สอดคล้องกับนโยบายระดมปราบปรามอาชญากรรม ที่ต้องการให้ทุกหน่วยร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทุกหมายจับสร้างความอบอุ่นใจให้ประชาชน โดยในครั้งนี้ได้กำชับให้มุ่งเน้นโจรที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บัญชีม้าทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งผู้ต้องหาในส่วนบัญชีม้านี้มักจะกระทำความผิดหลายท้องที่และมีผู้เสียหายหลายคดี ซึ่งจะได้ประสานงานกับหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการอายัดตัวต่อไป
ทั้งนี้ ผลการปฏิบัติของงานสืบสวน บก.ตม.๓ ดังกล่าวในวันแรกก็สามารถจับกุมได้ถึง ๔ หมายจับแล้ว คาดว่าเมื่อรวมกับผลงานของหน่วย ตม.จังหวัด ในสังกัดกับห้วงเวลาตลอดการระดม ๑๐ วันนี้ จะมีผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพึงพอใจ ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำงานตามนโยบายของ ตร.แล้ว ยังได้กำชับให้มุ่งเน้นคดีที่เกี่ยวข้องกับประชาชนและปกป้องความสงบเรียบร้อยในสังคม ตลอดจนเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานานาชาติอีกด้วย