ที่บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดโครงการ “พลังส่งต่อ พลังส่งออก” และเปิดใช้งานระบบท่อขนส่งน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนด้านอุตสาหกรรมพลังงานให้เป็นฐานเศรษฐกิจใหม่ เสริมศักยภาพการเป็นศูนย์กลางธุรกิจพลังงานภูมิภาค เชื่อมไทยสู่ตลาดโลก พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานให้มีประสิทธิภาพ แข่งขันได้อย่างเป็นธรรม และมีราคาที่เหมาะสม
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า กรมสรรพสามิตมีบทบาททั้งส่งเสริมและปราบปราม โดยการส่งเสริมในครั้งนี้มุ่งผลักดันให้จังหวัดขอนแก่นเป็นคลังสำคัญในการส่งออกน้ำมันไปประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านระบบท่อที่มีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับการขนส่งทางรถบรรทุก เช่น ลดมลพิษ ลดต้นทุนต่อหน่วย และเพิ่มเสถียรภาพด้านพลังงาน ขณะเดียวกัน ในด้านการปราบปราม ได้เปิดตัวเทคโนโลยี “อีซีล” (E-Seal) ซึ่งใช้ระบบ GPS ติดตามและล็อกท่อจ่ายน้ำมันในรถขนส่งน้ำมันส่งออกทุกคัน เริ่มใช้ตั้งแต่ ๑ กันยายน ๒๕๖๘ เป็นต้นไป โดยระบบจะติดตามตั้งแต่คลังน้ำมันถึงชายแดน และปลดล็อกด้วยคีย์การ์ดเฉพาะจุด หากมีการเปิดท่อผิดปกติ ระบบจะแจ้งเตือนทันที เพื่อป้องกันการลักลอบนำน้ำมันส่งออกกลับมาจำหน่ายในประเทศโดยไม่เสียภาษี
ด้านนายลือชัย สุดสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า คลังน้ำมันบ้านไผ่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจสำคัญในการขยายโครงสร้างพื้นฐานพลังงานในภาคอีสาน รองรับการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ตลอดจนการสำรองน้ำมันสำเร็จรูปในภูมิภาค เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและสนับสนุนเศรษฐกิจประเทศ
คลังน้ำมันแห่งนี้มีความทันสมัยและใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ ๒๐๐ ไร่ ความจุรวม ๑๕๗ ล้านลิตร เชื่อมต่อท่อส่งน้ำมันจากสถานีคลังน้ำมันสระบุรีถึงสถานีคลังน้ำมันขอนแก่น ระยะทาง ๓๔๒ กิโลเมตร ครอบคลุม ๕๕ ตำบล ๑๘ อำเภอ ๕ จังหวัด การขนส่งด้วยระบบท่อจะช่วยลดการใช้รถบรรทุกน้ำมันลงราว ๘๘,๐๐๐ เที่ยวต่อปี ประหยัดเชื้อเพลิงกว่า ๑๕.๔ ล้านลิตรต่อปี และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าการปลูกป่า ๖๗,๐๐๐ ไร่ โดยคาร์บอนเครดิตจะมอบให้ผู้ใช้บริการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Carbon Neutrality และเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ
การเปิดระบบท่อขนส่งน้ำมันในครั้งนี้ จึงเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น ตอกย้ำบทบาทของขอนแก่นในฐานะศูนย์กลางพลังงานของภูมิภาคอีสานและอาเซียน.