วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ร่วมออกอากาศในรายการ “ผู้ว่าฯ พบประชาชน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดนครพนม FM ๙๐.๒๕ MHz โดยมีนายภาณุ มัชฌิมา ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดนครพนม ข้าราชการและเจ้าที่ สวท.นครพนมและสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม ให้การต้อนรับ ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดนครพนม ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้กล่าวถึงสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนที่ยังคงทวีความรุนแรง โดยเฉพาะการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านช่องทางธรรมชาติริมแม่น้ำโขง ซึ่งจังหวัดนครพนมมีพรมแดนติด สปป.ลาว ยาวถึง ๑๗๔ กิโลเมตร ถือเป็นจุดเสี่ยงสำคัญที่ต้องเร่งควบคุม โดยจังหวัดนครพนมได้ดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอย่างเข้มข้น ด้วยการผนึกกำลังทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และประชาชน โดยมีมาตรการครอบคลุมตั้งแต่การสกัดกั้นการลักลอบนำเข้า การจับกุมผู้ค้า การยึดทรัพย์ การบำบัดผู้เสพ และการสร้างภูมิคุ้มกันในชุมชน พร้อมทั้งเน้นการขยายผลโครงการนำร่อง เช่น “ธวัชบุรีโมเดล” และปฏิบัติการ “No Drugs, No Dealers” เพื่อค้นหาผู้เสพเข้าสู่ระบบการรักษา และขยายผลไปถึงเครือข่ายผู้ค้า ภายใต้แผนปฏิบัติการปี ๒๕๖๘ ซึ่งจังหวัดนครพนมเป็นหนึ่งใน ๒๕ จังหวัดเป้าหมายเร่งด่วน โดยได้แบ่งพื้นที่เป็นโซนควบคุมตามความเข้มข้นของปัญหา พร้อมดำเนินยุทธศาสตร์ “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดที่ชายแดน หยุดการแพร่กระจายในพื้นที่ตอนใน และสร้างความปลอดภัยในชุมชน ควบคู่ไปกับการตรวจสารเสพติดเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
จากสถิติการปราบปรามในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ (๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ – ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๘) จังหวัดนครพนมสามารถจับกุมคดียาเสพติดได้ ๑,๕๑๔ คดี ผู้ต้องหา ๑,๕๓๗ คน พร้อมของกลางยาบ้ากว่า ๒๔ ล้านเม็ด ไอซ์ ๒.๑ ตัน เคตามีน ๕๔๙ กิโลกรัม และเฮโรอีน ๖๗ กิโลกรัม รวมถึงการยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า ๒๗ ล้านบาท สะท้อนถึงความเข้มแข็งในการปราบปรามและขยายผลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ สามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม ๑๕๖๗, ป.ป.ส. ๑๓๘๖ หรือสายตรงผู้ว่าฯ โทร. ๐๖ ๓๙๐๑ ๑๘๙๖ ซึ่งข้อมูลผู้แจ้งจะได้รับการคุ้มครองเป็นความลับ พร้อมย้ำว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดจะสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดผลอย่างยั่งยืนในระดับพื้นที่และระดับประเทศ