
ครม. อนุมัติโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ รับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว เสริมความมั่นคงด้านพลังงาน
เผยแพร่เมื่อ ๒๐/๐๘/๒๐๒๕ ๑๖:๑๖
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า
วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๘ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ และอุตรดิตถ์
เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (โครงการ NPUP) ภายในวงเงิน ๒๖,๒๒๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงาน
เสนอโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางและโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง
ตามนโยบายของภาครัฐที่มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
รวมทั้งเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ -
๒๕๘๐ ฉบับปรับปรุงครั้งที่ ๑ โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ
๒๖,๒๒๐ ล้านบาท แบ่งการดำเนินโครงการออกเป็น ๒ ระยะ มีกำหนดแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปี ๒๕๗๔ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานด้วยไฟฟ้าต้นทุนต่ำ
โดยมีขอบเขตการดำเนินโครงการ ดังนี้ ขอบเขตงานระยะที่
๑ - ขยายสถานีไฟฟ้า ๕๐๐ , ๒๓๐ และ ๑๑๕ กิโลโวลต์ น่าน - ก่อสร้างสายส่ง ๕๐๐
กิโลโวลต์ ชายแดนไทย/สปป.ลาว - น่าน วงจรคู่ - ก่อสร้างสถานีไฟฟ้า
(แห่งใหม่) ๕๐๐ กิโลโวลต์ เด่นชัย - ก่อสร้างสายส่ง ๕๐๐
กิโลโวลต์ น่าน - เด่นชัย วงจรคู่ - ตัดสายส่ง ๕๐๐ กิโลโวลต์ แม่เมาะ ๓ – ท่าตะโก วงจรคู่ (๒ แนวสาย) ลงที่สถานีไฟฟ้าเด่นชัย ทั้งสี่วงจร ขอบเขตงานระยะที่
๒ - ก่อสร้างสถานีไฟฟ้า (แห่งใหม่) ๕๐๐ กิโลโวลต์ ท่าวังผา - ตัดสายส่ง ๕๐๐ กิโลโวลต์
ชายแดนไทย/สปป.ลาว (จากโรงไฟฟ้าหงสา) - น่านวงจรคู่ และสายส่ง ๕๐๐ กิโลโวลต์ ชายแดนไทย/สปป.ลาว (จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว) -
น่าน วงจรคู่ ลงที่สถานีไฟฟ้าท่าวังผา (แห่งใหม่) ทั้งสี่วงจร - ก่อสร้างสถานีไฟฟ้า (แห่งใหม่) ๕๐๐ กิโลโวลต์
ร้องกวาง - ตัดสายส่ง ๕๐๐ กิโลโวลต์ น่าน – แม่เมาะ ๓
วงจรคู่ และสายส่ง ๕๐๐ กิโลโวลต์ น่าน -
เด่นชัย วงจรคู่ลงที่สถานีไฟฟ้าร้องกวาง (แห่งใหม่) ทั้งสี่วงจร สำหรับเงินทุนในการดำเนินโครงการ
NPUP กฟผ. จะพิจารณาแหล่งเงินทุนจากหลายแหล่ง
เช่น สถาบันการเงินต่างประเทศ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า
ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รวมถึงการออกพันธบัตรหรือลงทุน ในประเทศและเงินรายได้ของ กฟผ.
โดยมีสมมติฐานสัดส่วนการจัดสรรแหล่งเงินทุนจากรายได้ของ กฟผ. และแหล่งเงินทุนอื่น
ๆ อยู่ที่ ๒๕ : ๗๕ ตามลำดับ ทั้งนี้
แม้ว่าการลงทุนโครงการจะมีผลกระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้าขายส่งเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ๐.๕๑
สตางค์/หน่วย (คิดจากมูลค่าปัจจุบันสุทธิ ที่อัตราคิดลด ร้อยละ ๕.๐๘)
แต่การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าไม่ได้เป็นไปตามอัตราค่าไฟฟ้าขายส่งเพียงอย่างเดียว
แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และปัจจัยอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงค่าไฟฟ้าฐานและค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ดังนั้นจึงไม่กระทบต่อราคาค่าไฟฟ้าของประชาชน
และโครงการดังกล่าวยังช่วยลดพื้นที่การวางแนวเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้าและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้
จากผลการคำนวณผลตอบแทนของโครงการยังคงอยู่ในระดับที่คุ้มค่าต่อการลงทุน
โดยมีค่าแสดงอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของโครงการ ที่ร้อยละ ๑๗.๘๙ และ อัตราผลตอบแทน ทางการเงิน ที่ร้อยละ ๑๙.๑๕ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
กฟผ. สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และได้รับความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วยแล้ว