๑๙ ส ค จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดสนทนากลุ่มย่อย ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ ๒ การศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเจาะสำรวจปิโตรเลียม แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G๒

เผยแพร่เมื่อ ๑๙ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดสนทนากลุ่มย่อย ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ ๒ การศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเจาะสำรวจปิโตรเลียม แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G๒/๖๕ ของบริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) จำกัด


วันนี้(๑๙ ส.ค.๖๘) ห้องประชุมศรีปราชญ์ ชั้น ๓ ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายวิทยา เขียวรอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดการสนทนากลุ่มย่อย ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ ๑ การศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเจาะสำรวจปิโตรเลียมแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G๒/๖๕ ของบริษัท เชฟรอน ออฟซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีผู้แทนหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้แทนกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และผู้แทนบริษัท เชฟรอน ออฟซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทที่ปรึกษา เข้าร่วมกิจกรรมพร้อมเพรียง


สำหรับที่ตั้งของโครงการเจาะสำรวจปิโตรเลียม แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G๒/๖๕ จะตั้งบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ซึ่งกำหนดไว้จำนวนทั้งสิ้น ๗ ตำแหน่ง โดยตำแหน่งหลุมสำรวจที่อยู่ใกล้ชายฝั่งมากที่สุด คือ หลุมสำรวจ Samila-๐๔ ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งของอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ ๘๕ กิโลเมตร (๔๖ ไมล์ทะเล) ส่วนหลุมสำรวจ Saikaew-๐๒ อยู่ใกล้เกาะมากที่สุด โดยห่างจากเกาะกระไปทางทิศตะวันออกประมาณ ๗๓ กิโลเมตร (๔๐ ไมล์ทะเล) และมีระดับความลึกของน้ำทะเลในบริเวณ

ตำแหน่งที่ตั้งของหลุมสำรวจปิโตรเลี่ยมในภาพรวม ประมาณ ๕๐-๖๐ เมตร นอกจากนี้ การปฏิบัติงานจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพื้นที่ปฏิบัติงานบนฝั่งในจังหวัดสงขลา สำหรับการจัดเก็บและขนส่งวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงสารเคมีที่ใช้ใช้ในการเจาะไปยังแท่นเจาะ และการรวบรวมของเสียก่อนขนส่งไปกำจัดตามวิธีการที่กฎหมายกำหนด ซึ่งโครงการฯ ได้รับการสนับสนุนด้านการขนส่งทางอากาศจากศูนย์ขนส่ง

ทางอากาศของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช สำหรับการเดินทางของพนักงานไปปฏิบัติงานนอกชายฝั่ง รวมถึงอาจใช้ท่าเทียบเรือประทีปฯ จังหวัดสงขลา เพื่อสนับสนุนการขนส่งพนักงาน หากมี

ความจำเป็น


โอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่าการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวันนี้ มุ่งเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมและสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้รับทราบรายละเอียดโครงการ ผลการศึกษาและการประเมินผลกระทบ รวมถึงร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ อันเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากการประชุมฯ ครั้งที่ ๑ จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ โดยเป็นที่ตั้งของศูนย์ขนส่งทางอากาศของบริษัทฯ สำหรับขนส่งพนักงานที่จะเดินทางไปปฏิบัติงานนอกชายฝั่ง ขอให้ได้แสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะอย่างเต็มพี่ เพื่อให้บริษัทฯ และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา นำไปประกอบการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ให้มีความครบถ้วน สมบูรณ์เป็นไปตามหลักวิชาการ ให้โครงการฯ ดำเนินในทิศทางที่ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน

ขณะที่ นายมณฑล หัสดินทร์ พลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่าการสำรวจและพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมแห่งใหม่ภายในประเทศ สอดคล้องกับนโยบายพลังงานของประเทศในปี ๒๕๖๘ ซึ่งยึดหลักสำคัญ ๓ ประการ ประกอบด้วย ความมั่นคงทางพลังงาน ราคาพลังงานที่เป็นธรรมและแข่งขันได้ และพลังงานคาร์บอนต่ำ การสำรวจปิโตรเลียมภายในประเทศหากสำรวจพบ จะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ลดการนำเข้า และส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน ทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบ และคำนึงถึงความปลอดภัยต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ลงนามสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) เลขที่ ๒/๒๕๖๖/๔ กับบริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้สิทธิในการสำรสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G๒/๖๕ โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการสำรวจปิโตรเลียมด้วยวิธีวัดคลื่นไหวสะเทือนแบบสามมิติแล้ว และอยู่ระหว่างการวางแผนดำเนินการเจาะสำรวจ รวมทั้งสิ้น ๗ ตำแหน่ง เพื่อยืนยันการมีอยู่ของแหล่งปิโตรเลียม รวมถึงข้อมูลความหนาและแรงดัน โดยมีแผนงานเบื้องต้นในการเจาะหลุมสำรวจที่ตำแหน่งแรกประมาณไตรมาสที่ ๓ หรือ ไตรมาสที่ ๔ ของปี พ.ศ. ๒๕๖๙

การดำเนินกิจกรรมเจาะสำรวจในพื้นที่แปลงสำรวจ G๒/๖๕ เข้าข่ายประเภทโครงการที่ต้องทำการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เพื่อเสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเริ่มดำเนินโครงการ ซึ่งเมื่อระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ๒๕๖๘ โครงการได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นฯ ครั้งที่ ๑ กับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องในหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน ประชาชน รวมทั้งกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมงพาณิชย์ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี โดยใช้รูปแบบวิธีการต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราช โครงการได้จัดประชุมกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ ๕-๖ และ

๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และได้รวบรวมประเด็นคำถาม ข้อคิดเห็น ข้อห่วงกังวล และข้อเสนอแนะเพื่อนำไปประกอบการจัดทำรายงานฯ ของโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และการจัดสนทนารับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่างรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ โดยความคิดเห็นที่ได้จะนำไปประกอบการศึกษาและจัดทำรายงานฯ ให้ครบถ้วน และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมกับทุกภาคส่วนมากที่สุดต่อไป

//////////

อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ

พรรณี/ภาพ

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช

๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๘