นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยได้รับอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ส่งผลให้หลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะในภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราด ในช่วง ๑-๒ วันนี้ จังหวัดตราด คาดว่าจะมีฝนสะสมในพื้นที่อำเภอเกาะกูด อำเภอเมืองตราด อำเภอเกาะช้าง และอำเภอคลองใหญ่ มากกว่า ๒๐๐ มิลลิเมตร จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้ใช้กลไกศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก และลุ่มน้ำบางปะกง รวมถึงศูนย์ส่วนหน้าฯ ในแต่ละพื้นที่ให้เฝ้าระวังและแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงทีผ่านทุกช่องทาง รวมทั้งระบบ Cell Broadcast (CB) พร้อมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งคลี่คลายสถานการณ์ ดูแลบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็ว
นอกจากนี้ ได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามข้อสั่งการ ในการเร่งซ่อมแซมอาคารควบคุมน้ำในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยภาพรวมมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับการปรับปรุงซ่อมแซมคันดินในพื้นที่ตำบลธานี อำเภอเมืองสุโขทัย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๐ สิงหาคมนี้ ส่วนที่ตำบลบ้านนา จังหวัดสุโขทัย มีความก้าวหน้ากว่าร้อยละ ๘๕ คาดว่าหากฝนตกน้อยลงจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายใน ๑ สัปดาห์ ขณะเดียวกันในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินการซ่อมเสริมแนวคันกั้นน้ำในแม่น้ำสายที่รั่วจากครั้งก่อนแล้วทุกจุด รวมถึงเร่งซ่อมแซมจุดรูรั่วตามผนัง พื้น อาคารต่าง ๆ และเสริมแนวป้องกันน้ำด้วยกระสอบทรายขนาดใหญ่ (Big Bag) สำหรับการก่อสร้างพนังป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร ความยาว ๒.๓ กิโลเมตร คืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ ๙๕ พร้อมทั้งอยู่ในระหว่างเร่งก่อสร้างกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ ๑ ในส่วนของการขุดลอกแม่น้ำรวกที่รับผิดชอบโดยประเทศไทยได้ดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด
สำหรับการขุดลอกแม่น้ำสาย ช่วงที่รับผิดชอบโดยประเทศเมียนมาดำเนินการแล้วประมาณร้อยละ ๑๔ ช่วงที่ดำเนินการโดยประเทศไทย คืบหน้ากว่าร้อยละ ๙๕ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการในทุกจุดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ควบคู่กับการเฝ้าระวังและซ่อมแซมจุดรั่วซึมอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีความห่วงใยต่อพื้นที่ที่มีแนวโน้มประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง เช่น จังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะเขื่อนลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนขนาดใหญ่ที่สำคัญของจังหวัด โดยในช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๘ ได้มีการลงพื้นที่เพื่อติดตามการแก้ปัญหาภัยแล้งและการบริหารจัดการน้ำของเขื่อน โดยมอบหมายให้หน่วยงานเตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า และมีกำหนดการลงพื้นที่ในวันที่
๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๘ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำปัจจุบันและความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามข้อสั่งการดังกล่าว รวมถึงมอบนโยบายในการบริหารจัดการน้ำเขื่อนลำตะคองอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาขาดแคลนน้ำ ช่วยป้องกันและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ณ วัดห้วยลุง ตำบลวังโรงใหญ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
ขณะที่ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดกิจกรรมส่งมอบปัจจัยการผลิตช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ ภายใต้โครงการสกัดการระบาดของโรคแมลงศัตรูพืช เชื้อรา และการสนับสนุนพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิตเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ ปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ และการซ่อมแซมและการฟื้นฟูเครื่องจักรกลเกษตรขนาดเล็กหลังน้ำท่วม เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๘ ณ ที่ว่าการอำเภอจุน จังหวัดพะเยา โดยมี นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารเข้าร่วม ดำเนินโครงการโดยกรมวิชาการเกษตร ผ่าน ๕ กิจกรรมหลัก ได้แก่
๑. สกัดการระบาดโรค-แมลงศัตรูพืช ในพื้นที่ประสบภัย ส่งมอบชีวภัณฑ์แก่เกษตรกร ๗๕๙ ราย จังหวัดเชียงราย-แพร่ รวมกว่า ๑๕,๙๗๕ กิโลกรัม
๒. สนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชไร่-พืชสวน ๘ ชนิด ได้แก่ ถั่วเหลือง ถั่วเหลืองฝักสด ถั่วเขียว ถั่วลิสง ข้าวโพดเทียน กระเจี๊ยบเขียว ถั่วฝักยาว และพริก ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกกว่า ๑๒,๐๐๐ ไร่ เกษตรกร ๑๗๔ ราย
๓. ส่งเสริมการเพาะเห็ดเศรษฐกิจ แจกก้อนเชื้อเห็ด ๔๐๔,๘๐๐ ก้อน แก่เกษตรกร ๒๐๙ ราย พร้อมอบรมและสนับสนุนโรงเรือนต้นแบบให้กับกลุ่มเกษตรกร ๒ หลักสูตร คือ หลักสูตรการผลิตเห็ดเศรษฐกิจ และหลักสูตรการแปรรูปสินค้าเห็ดเพิ่มมูลค่าเพื่อสร้างความยั่งยืน รวม ๑,๑๐๐ คน คาดสามารถสร้างรายได้อย่างน้อย ๖ ล้านบาท
๔. มอบชีวภัณฑ์ป้องกันโรคพืช แก่เกษตรกร ๑,๘๘๓ ราย รวม ๘,๘๘๒ กิโลกรัม ครอบคลุมพื้นที่กว่า ๑,๒๐๐ ไร่
๕. ซ่อมแซมและฟื้นฟูเครื่องจักรกลการเกษตร ๑,๔๕๙ เครื่อง ในพื้นที่ ๑๒ จังหวัด รวม ๑๙ จุดบริการ
นายอรรถกร ระบุว่า จังหวัดพะเยาได้รับผลกระทบจากพายุวิภา เกิดน้ำท่วมฉับพลันหลายพื้นที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งการลดต้นทุน สนับสนุนพืชระยะสั้น เช่น เห็ดนางฟ้าและเห็ดภูฐาน เพื่อสร้างรายได้เสริม และฟื้นฟูอาชีพการเกษตรอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำและการเกษตรในพื้นที่จังหวัดพะเยา ดังนี้
๑. การบริหารจัดการน้ำ มอบกรมชลประทานติดตามแม่น้ำอิงอย่างใกล้ชิด บริหารทั้งน้ำหลากและ น้ำแล้ง กรมพัฒนาที่ดินจัดทำแผนที่แก้มลิง บ่อน้ำเล็ก และระบบอนุรักษ์ดินน้ำ ส่วน ส.ป.ก. เร่งขุดลอกสระ ฝายชะลอน้ำ และบ่อบาดาลโซล่าเซลล์
๒. การบริหารจัดการข้าว ปี ๒๕๖๘/๖๙ ส่งเสริมการผลิตและกระจายพันธุ์ข้าว ยกระดับคุณภาพและเพิ่มมูลค่า ปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวนาปรังสู่พืชทางเลือก พะเยามีเกษตรกรทำนา ๖๓,๖๙๖ ครัวเรือน พื้นที่ ๖๑๓,๐๙๕ ไร่ ข้าวหอมมะลิเป็นหลัก ร้อยละ ๖๖.๕๕
๓. เตรียมปลูกพืชหลังนา เดินหน้า “พะเยาโมเดล” ผลิตถั่วเหลืองคาร์บอนต่ำ ขยายพื้นที่ ๓๐๐ ไร่ เกษตรกร ๑๐๐ ราย คาดผลผลิต ๑๕๐ ตัน เพิ่มรายได้ร้อยละ ๒๕
๔. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการลดต้นทุนการปลูกข้าวโพด พัฒนาและลดต้นทุนการผลิต
ฤดูฝนปี ๒๕๖๘/๖๙ พะเยามีเกษตรกร ๘,๔๔๒ ครัวเรือน พื้นที่ ๑๒๙,๓๔๒ ไร่ คาดผลผลิต ๑๓๔,๓๗๒ ตัน
๕. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการลดต้นทุนการปลูกลำไย ลดต้นทุนด้วยเทคโนโลยี ปี ๒๕๖๘ มีเกษตรกร ๑๖,๒๑๖ ราย พื้นที่ ๙๒,๒๓๐ ไร่ คาดผลผลิต ๔๐,๒๒๗ ตัน เพิ่มขึ้น ๑๘.๓๔% จากปีก่อน
๖. การส่งเสริมการเลี้ยงไหมในระดับครัวเรือน ขยายอุตสาหกรรมไหมเหลืองภาคเหนือ ยกระดับผลิตภัณฑ์หม่อนไหมด้วย BCG Model (Bio-Circular-Green Economy หรือ การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว) สู่ตลาดต่างประเทศ และผลักดันงานหัตถกรรมผ้าไหมพะเยาสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Soft Power) สร้างเกษตรกรใหม่ ๒๑๐ ราย พื้นที่ปลูก ๖๗๐ ไร่ คาดรายได้รวม ๖.๓๕ ล้านบาท/ปี