วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๘ นางวรรณี มหานีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เป็นประธานเปิดงานลงพื้นที่ติดตามงานและตรวจเยี่ยมองค์กรเกษตรกร จังหวัดพะเยา ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่เกษตรกรสมาชิกกองทุนฯ เกี่ยวกับบทบาทและภารกิจของกองทุนฯ ขั้นตอนการจัดการหนี้ กระบวนการฟื้นฟูอาชีพหลังการจัดการหนี้ รวมถึงการสื่อสารนโยบายจากผู้บริหารกองทุนฯ สู่เกษตรกรโดยตรง ตลอดจนเผยแพร่ความสำเร็จของการแก้ไขปัญหาหนี้สินและการรักษาที่ดินทำกินของเกษตรกร โดยมี นายสมยศ ภิราญคำ รองเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ ร่วมพิธีเปิด นายประเทือง นรินทรางกูล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักกิจการสาขาภูมิภาคที่ ๑ ภาคเหนือ กล่าวรายงาน และนางณิชาภา ไชยยา หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าสำนักงานสาขาจังหวัดภาคเหนือ ผู้แทนเกษตรกรภาคเหนือ เกษตรกรสมาชิกกองทุนฯ กลุ่มต่าง ๆ ได้แก่ เกษตรกรลูกหนี้ที่ยังไม่ปิดบัญชี เกษตรกรที่ได้รับการชำระหนี้แล้วแต่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูอาชีพ และเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายงบกลาง ปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ร่วมในพิธีฯ
นางวรรณี มหานีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร มีภารกิจด้านการฟื้นฟูและพัฒนา เพื่อพัฒนาศักยภาพความเข้มแข็งขององค์กรเกษตรกรและพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรให้แก่เกษตรกรสมาชิก มีนโยบายการบริหารและพัฒนาตามภารกิจของ สำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ “สานงานต่อ ก่องานใหม่” เน้นการเข้าใจ การเข้าถึง สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมและการพัฒนาการบริหารจัดการข้อมูลของเกษตรกร (Big Data) ซึ่งจะส่งผลให้การเข้าถึงข้อมูลของเกษตรกรเชื่อมโยงระบบย่อยในการบริหารจัดการทั้งด้านทะเบียนองค์กรเกษตรกร ทะเบียนเกษตรกร ให้เป็นไปโดยรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาของเกษตรกร จึงใช้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร ผ่านการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพเกษตรกร และการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร
ปัจจุบัน จังหวัดพะเยามีเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จำนวน ๙๗๑ องค์กร รวม ๘๘,๕๑๘ ราย โดยมีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนหนี้กับกองทุนฯ จำนวน ๖,๖๔๓ ราย ๑๑,๓๒๑ สัญญา รวมมูลหนี้ ๑,๔๖๑,๙๖๒,๓๐๐.๖๗ บาท ทั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรได้ดำเนินการชำระหนี้แทนเกษตรกรแล้ว จำนวน ๓๗๐ ราย ๓๗๑ สัญญา เป็นเงิน ๗๔,๖๙๗,๒๐๖.๓๗ บาท