รมว.ยุติธรรม นำทีมแถลงข่าว เปิดยุทธการ 'NO Drugs NO Dealers' ทลายเครือข่ายยานรกชายแดนใต้

เผยแพร่เมื่อ ๑๖ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

รมว.ยุติธรรม นำทีมแถลงข่าว เปิดยุทธการ 'NO Drugs NO Dealers' ทลายเครือข่ายยานรกชายแดนใต้


วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๑.๑๕ น. ณ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า จังหวัดยะลา  พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ ผอ.รมน.ภาค ๔, พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ รอง ผบช.ภ.๙ และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมกันแถลงข่าวความสำเร็จครั้งสำคัญในการปราบปรามยาเสพติด โดยยึดของกลางไอซ์ ๙๐๐ กก. และอายัดทรัพย์สินมูลค่า ๒๐ ล้านบาท


การปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ถือให้การปราบปรามยาเสพติดเป็น "วาระแห่งชาติ" โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งพักยาและเส้นทางลำเลียงสำคัญไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยความร่วมมือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กอ.รมน.ภาค ๔ ส่วนหน้า, และ ป.ป.ส. ทำให้สามารถทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้ถึง ๒ เครือข่าย


ปฏิบัติการนี้เริ่มต้นจากการสืบสวนเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาสนานกว่า ๒ เดือน โดยได้รับแจ้งข้อมูลลับว่าจะมีขบวนการลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่จากภาคกลางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จนกระทั่งในวันที่ ๑๔ ส.ค. ๖๘ เวลาประมาณ ๐๓.๓๐ น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีการนัดส่งมอบยาไอซ์ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จึงได้แบ่งกำลังเป็น ๒ ชุด เข้าติดตามและวางกำลังซุ่มในบริเวณที่นัดหมาย


เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะต้องสงสัยซึ่งขับโดย นายจีรพงษ์ พันเพชร อายุ ๓๗ ปี และได้แสดงตัวเข้าจับกุม นายจีรพงษ์ยอมรับว่าได้นำรถยนต์มาจอดไว้เพื่อรอให้บุคคลอื่นมารับช่วงต่อ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อจึงติดตามไปจนพบรถคันดังกล่าวจอดอยู่ห่างออกไป ๔ กิโลเมตร และเมื่อนำตัวนายจีรพงษ์ไปชี้จุดตรวจค้น ก็พบยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ไอซ์) ซุกซ่อนในกระสอบจำนวน ๓๐ กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ ๙๐๐ กิโลกรัม ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง ๑๓๕ ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องในคดีอีกมูลค่ากว่า ๘๐๐,๐๐๐ บาท


อีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญเป็นการขยายผลจากคดีเก่าในวันที่ ๑๒ มิ.ย. ๖๘ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาไอซ์ ๖๑๕ กก. ใน อ.สุไหงโก-ลก และศาลจังหวัดนราธิวาสได้อนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการที่หลบหนีอีก ๔ คน


ต่อมาในวันที่ ๑๔ ส.ค. ๖๘ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.๒ บก.สส.จชต. ร่วมกับ ป.ป.ส.ภาค ๙ และ DSI ได้สนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย ๕ แห่งใน อ.สุไหงโก-ลก เพื่อดำเนินการตามมาตรการต่อทรัพย์สิน โดยสามารถยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดได้ถึง ๑๓ รายการ รวมมูลค่าประมาณ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งทรัพย์สินที่อายัดได้ประกอบด้วย ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ๒ แปลง รถยนต์ ๔ คัน รถจักรยานยนต์ ๑ คัน ทองรูปพรรณ ๙ รายการ เงินสด รวม ๕๐,๐๐๐ บาท และ ๑๐,๐๐๐ ริงกิตมาเลเซีย อาวุธปืน ๓ กระบอก นาฬิกาข้อมือ ๑๕ เรือน เครื่องประดับ ๑๔ ชิ้น กระเป๋าหนัง ๒๖ ใบ ล้อแม็ครถยนต์ ๔ ล้อ เจ็ตสกี ๒ ลำ   แม้จะยังไม่พบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ แต่การยึดทรัพย์สินในครั้งนี้ก็ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงและทำลายเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเดินหน้าสืบสวนขยายผลและติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนีต่อไปอย่างต่อเนื่อง


พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดผู้ติดยาเสพติดว่า รัฐบาลเข้าใจดีถึงช่องว่างที่ผู้ติดยาอาจยังไม่พร้อมในการเข้ารับการบำบัดด้วยตนเอง ดังนั้น จึงกำหนดนโยบายให้ผู้ที่ต้องการเลิกยาเสพติด สามารถเข้ารับการบำบัดได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะถือว่าบุคคลเหล่านั้นมีเกียรติและมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ในเรื่องนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเข้ามาบูรณาการการทำงาน โดยมีแนวคิดที่จะให้แพทย์เข้ามามีส่วนร่วมในการบำบัดรักษาด้วย นอกจากนี้ ในระดับพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่นควรช่วยกันผลักดันให้มีการนำผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัด ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความสำเร็จในการทำงาน

พ.ต.ท.ทวี ยังย้ำว่า รัฐควรสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบำบัด เพื่อลดภาระของครอบครัว เพราะการที่ประเทศได้พลเมืองที่มีสุขภาพดีกลับคืนมา ถือเป็นกำไรของประเทศชาติ


สุดท้าย พ.ต.ท.ทวี ได้กล่าวถึงการประเมินผลการทำงานของข้าราชการ โดยระบุว่า แม้รัฐบาลจะมีความเมตตาต่อข้าราชการ แต่ก็จำเป็นต้องมีการประเมินผล หากพบว่าผู้นำในพื้นที่ใดยังคงปล่อยปละละเลย หรือทำงานได้ไม่เต็มที่ ก็ควรมีการพิจารณาโยกย้าย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นเข้ามาทำงานแทน