สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ ๒๒ จังหวัด ช่วงวันที่ ๑๕ - ๑๗ สิงหาคมนี้

เผยแพร่เมื่อ ๑๔ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ ๒๒ จังหวัด ช่วงวันที่ ๑๕ - ๑๗ สิงหาคมนี้                

            สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ออกประกาศเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ฉบับที่ ๑๖/๒๕๖๘ หลังคาดการณ์สภาพอากาศพบจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบมีพื้นที่บางส่วนเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทันช่วงวันที่ ๑๕ - ๑๗ สิงหาคมนี้ ในภาคเหนือ บริเวณจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ // ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร อุบลราชธานี // ภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดชลบุรี จันทบุรี ตราด // ภาคใต้ บริเวณจังหวัดชุมพร พังงา ภูเก็ต รวมทั้ง เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ ๘๐ ของความจุเก็บกัก บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี และกระบี่ จึงขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ // เขื่อนนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด        

            พร้อมทั้ง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ระดับน้ำล้นตลิ่ง และท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำอิง บริเวณอำเภอเชียงคำ เทิง พญาเม็งราย ขุนตาล และเชียงของ จังหวัดเชียงราย และแม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก รวมถึง ระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาด้านท้ายเขื่อน บริเวณจังหวัดอ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา

            ทั้งนี้ สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า๙๐ มิลลิเมตร ตลอด ๒๔ ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วม รวมถึง พื้นที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน ควบคู่กับตรวจสอบซ่อมแซมแนวคันบริเวณริมแม่น้ำและเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึง เขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและอิทธิพลของการขึ้น - ลงของน้ำทะเล ด้วยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก