ช่วงดึกวานนี้ (๑๓ ส.ค.๖๘) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๙ วาระ ๒-๓ นางสาว ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ได้อภิปรายงบของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยเสนอให้มีการยุบกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมให้เหตุผลว่าควรคืนให้กับท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงการเสริมกำลังติดอาวุธพัฒนาตำรวจท้องที่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการเลือกปฏิบัติ
โดยในส่วนของงบประมาณปี ๒๕๖๙ เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ประมาณ ๑๕๕ ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากงบการสร้างตึกที่ทำการการประชาสัมพันธ์หน่วยงานตำรวจท่องเที่ยวด้วยการผลิตสติกเกอร์ อาร์ม พวงกุญแจ ซองโทรศัพท์ ที่คั่นหนังสือ รวมทั้งมีค่าเช่ารถยนต์ของตำรวจท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทั้งที่มีจำนวนเท่าเดิม และยังมีงบประมาณค่าเช่ารถยนต์และอาคารที่ทับซ้อนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการใช้งบประมาณเพื่อดำเนินโครงการในปีนี้อีก ๗ โครงการเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพตำรวจท่องเที่ยว, โครงการระบบศูนย์บริการครบวงจร ๑๑๕๕, โครงการออกแบบโปรแกรมการแปลภาษา ๕๐ สัญชาติ, โครงการระบบกล้องปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยและป้องปรามพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในพื้นที่ท่องเที่ยว/งบประมาณที่ทับซ้อนกับหน่วยงาน อื่น เช่นโครงการส่งเสริมความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีอยู่แล้ว หรือการอำนวยความสะดวกการท่องเที่ยวในทะเลไทย ซึ่งก็ทับซ้อนกับหน่วยงานอื่น เช่น ศรชล ทหารเรือ ตำรวจน้ำ เป็นต้น
ตนจึงได้ตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจท่องเที่ยวมีอำนาจทับซ้อนกับตำรวจทั่วไปหรือไม่ โดยในเอกสารของกรรมาธิการได้ชี้แจงว่ามีจุดที่อาจซ้ำซ้อนที่ตำรวจทั่วไปทำอยู่แล้ว แต่มีความแตกต่างคือมีความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว/มีความรู้ภาษาต่างประเทศ และเข้าใจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งตนมองตำรวจท้องถิ่นก็สามารถทำได้ไม่ต่างจากตำรวจท่องเที่ยวโดยที่ไม่จำเป็นต้องตั้งกองบัญชาการ แต่สามารถเปลี่ยนเป็นหน่วยหนึ่งในจังหวัด เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณได้
ตนจึงอยากเสนอให้ปรับลดงบประมาณของตำรวจท่องเที่ยวครึ่งหนึ่งคืนสู่กรมท่องเที่ยวจาก ๗๔๑ ล้านบาท เหลือ ๓๗๐ ล้านบาท และให้ตำรวจท่องเที่ยวไปใช้งบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแทน
ต่อมาภายหลังการอภิปรายของสมาชิกครบถ้วนแล้ว ก็มีการลงมติเห็นชอบกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก