งบฯ กห. “๙ หมื่นล้าน” ผ่านฉลุย...“พริษฐ์” ชี้งบซอฟต์พาวเวอร์ พุ่ง๗๒%

เผยแพร่เมื่อ ๑๓ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

การประชุมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ในวาระที่ ๒ (ลงมติรายมาตรา) และวาระที่ ๓ (ลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ๒๕๖๙ ทั้งฉบับ) โดยการประชุมในช่วงบ่าย จนถึงช่วงค่ำ วันนี้ ยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น

 

• “ชวน” วอน ดูแลทหารชายแดนอย่างเท่าเทียม

โดยในช่วงหนึ่ง นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์  ได้อภิปรายในมาตรา ๖ งบกลาง โดยได้ระบุ ถึงกรณีที่ ครม.มีมติเห็นชอบวงเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยรัฐบาลได้ประกาศเยียวยาให้ผู้เสียชีวิตและทุพพลภาพ หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ รายละ ๑๐ ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส ๑ ล้านบาท บาดเจ็บมาก ๕ แสนบาท ส่วนกรณีประชาชนเสียชีวิตและทุพพลภาพ รายละ  ๘ ล้านบาท พร้อมเงินชดเชยผู้บาดเจ็บตามระดับความรุนแรง

 

ทั้งนี้ นายชวน ชี้ว่า ชีวิตมีค่ามากกว่าตัวเงิน พร้อมยกตัวเลขความสูญเสียในภาคใต้ ตั้งแต่นโยบาย ๘ เมษายน ๒๕๔๔ จนปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตกว่า ๘,๐๐๐ คน และบาดเจ็บ-ทุพพลภาพกว่า ๑๐,๐๐๐ คน จึงเห็นว่าทหารและประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภาคใต้ ควรได้รับค่าชดเชยเท่าเทียมกับชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกเหลื่อมล้ำ

 

•“จุลพันธ์” ขอนำข้อเสนอ ไปหารือ ครม. ก่อน

ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า ขณะนี้ ครม.อนุมัติเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ จากเหตุความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชาไปแล้ว ๓๐๐ กว่าล้านบาท ใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็นแต่จะขยายไปยังกลุ่มอื่นๆหรือไม่ ขอรับข้อสังเกตไปหารือกับ ครม. ยังไม่สามารถตอบได้

 

• “พริษฐ์” สังเกตงบซอฟต์พาวเวอร์ เพิ่ม ๗๒%

ด้าน นาย พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายมาตรา ๗ สำนักนายกรัฐมนตรี วงเงิน ๒.๖ หมื่นล้านบาท ขอปรับลดเหลือ ๒.๕๕ หมื่นล้านบาท โดยตั้งข้อสังเกตถึงการจัดสรรงบประมาณโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ใน ๕ ประเด็น ได้แก่

 

๑.การเพิ่มงบประมาณซอฟต์พาวเวอร์ สูงมากโดยไม่มีเหตุผลถึง ๗๒ เปอร์เซ็นต์ จากเดิมปี ๒๕๖๘ ได้งบ ๒.๓ พันล้านบาท แต่ปี ๒๕๖๙ ได้งบเพิ่มเป็น ๓.๙ พันล้านบาท โดยไม่มีเหตุผล เพราะตัวชี้วัดเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมา ไม่ได้เพิ่มขึ้น

 

๒.รัฐบาลใช้วิธีฝากงบซอฟต์พาวเวอร์ไว้ในหน่วยงานต่างๆ ถึง ๒๗ หน่วยงาน ๙ กระทรวง แทนที่จะมีหน่วยรับงบประมาณซอฟต์พาวเวอร์โดยตรง เป็นการเบียดเบียนงบประมาณที่มีความจำเป็นของหน่วยงานอื่นๆ

 

๓.การตั้งแผนงานซอฟต์พาวเวอร์ขึ้นมาใหม่หลายเรื่อง แต่ไม่สามารถเชื่อมโยงกัน ไม่มีตัวชี้วัดที่จะวัดผลสำเร็จของโครงการ อีกทั้งงบซอฟต์พาวเวอร์ของหลายหน่วยงาน ก็มีความซ้ำซ้อนกัน

 

๔.จัดงบซอฟต์พาวเวอร์แบบเน้นเพิ่มกิจกรรมเดิมๆ มากกว่าการมีกิจกรรมใหม่ๆ  และ ๕.รัฐบาลไม่มีแนวทางชัดเจนที่จะป้องกันความเสี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อนโครงการซอฟต์พาวเวอร์

 

• “ภคมน” ชี้ รัฐบาลล้มเหลวในการสื่อสารช่วงวิกฤต

นางสาว ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้อภิปรายในส่วนมาตรา ๗ งบประมาณสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ใช้ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ๒ หน่วยงานหลัก คือ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และกรมประชาสัมพันธ์ ว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา คนไทยทั้งประเทศตั้งคำถามถึงการสื่อสารของรัฐบาลที่ไม่เป็นเอกภาพ สะท้อนปัญหาทีมสื่อสารรัฐบาลขาดเอกภาพ  ทำลายความเชื่อมั่นรัฐบาล ทั้งที่บทบาทการสื่อสารภาวะวิกฤต  กรมประชาสัมพันธ์ควรมีบทบาทนำเสนอข้อมูลให้ประชาชนทราบ สถานการณ์ขัดแย้งไทย-กัมพูชา และต้องทบทวนสังคายนางบประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ

 

• งบฯ กลาโหม “๙ หมื่นล้าน” ผ่านฉลุย

ส่วนการอภิปรายมาตรา ๘ กระทรวงกลาโหม วงเงิน ๙.๕๑ หมื่นล้านบาท โดย นาย ชยพล สท้อนดี ส.ส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) ได้อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยากมาก เนื่องจากมีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน ซึ่งต้องดูงบประมาณว่า ใช้ถูกจุดหรือไม่

 

ขณะที่ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงและยืนยันว่ากมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่าให้กองทัพ แต่ทำหน้าที่ตรวจเช็กความพร้อมให้กองทัพ และพร้อมสนับสนุนกองทัพ ซึ่งการสนับสนุนทหารไม่ใช่การสนับสนุนสงคราม ทหารไทยไม่ได้แบกปืน แต่แบกความหวังการป้องกันประเทศด้วย

 

ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับมาตรา ๘ ตาม กมธ.เสียงข้างมาก ด้วยคะแนน ๒๕๔ เสียง ไม่เห็นด้วย ๑๓๗ เสียง และงดออกเสียง ๑๘ เสียง