รอง มทภ. ๔ ย้ำหน่วยปฎิบัติในพื้นที่ ทุกภารกิจต้องรัดกุม ไม่ประมาท

เผยแพร่เมื่อ ๑๒ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

รอง มทภ.๔ ย้ำทุกภารกิจต้องรัดกุม ไม่ประมาท นำหลักการ ทฤษฎี ประยุกต์การปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และใช้ความชำนาญพื้นที่ให้เกิดการปฏิบัติแม่นยำเป็นรูปธรรม ร่วมนำพาสันติสุขสู่ชายแดนใต้ให้มั่นคง ยั่งยืน

        พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ ๔ / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า พร้อมผู้แทนฝ่ายอำนวยการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ลงพื้นที่ กองบังคับการ หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมช่วยส่วนรวม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ ๔๑ ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ติดตามการปฏิบัติภารกิจ รับทราบสถานการณ์ พร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติแก่ ผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ ๔๑ ,๔๓ , ๔๖ , ๔๗ และมอบเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมกล่าวชื่นชม และขอบคุณกำลังพลทุกนายที่มุ่งมั่น เสียสละปฏิบัติหน้าที่ อย่างสุดกำลังความสามารถ ย้ำพวกเราคือ “ทหารอาชีพ” ย่อมมีความรู้ ความชำนาญในวิชาชีพของตน พร้อมปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ และเป็นที่พึ่งให้กับพี่น้องประชาชนในทุกโอกาส

        พลตรี วรเดช เดชรักษา ได้เน้นย้ำผู้บังคับการกรมทหารพราน ตลอดจนกำลังพล ที่มีภารกิจหลักในการปฏิบัติการควบคุมพื้นที่บังคับใช้กฎหมาย นำตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้นำข้อผิดพลาดปรับเปลี่ยนการปฏิบัติให้รัดกุมยิ่งขึ้น และทุกภารกิจต้องรัดกุม ไม่ประมาท รอบคอบ นำหลักการและทฤษฎีจากผู้บังคับบัญชามอบหมายไปประยุกต์การปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ใช้ความชำนาญในพื้นที่ให้เกิดการปฏิบัติให้แม่นยำเป็นรูปธรรม ซึ่งกลุ่มขบวนการก่อเหตุความรุนแรงและผู้เห็นต่างจากรัฐที่ไม่ประสงค์เห็นสันติสุข มุ่งสร้างสถานการณ์ลดทอนความเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ต่อเนื่อง กำชับกำลังพลต้องปฏิบัติหน้าที่เต็มขีดความสามารถ ให้ทั้ง ๖ ศูนย์ซักถามของหน่วยงานความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดำเนินการทุกขั้นตอนยึดหลักสิทธิมนุษยชนเคร่งครัด และประสานการทำงานอย่างประสานสอดคล้องใกล้ชิด ทำการขยายผลถึงการเชื่อมโยงผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและฟื้นฟูสันติสุขในพื้นที่ แต่สันติสุขนั้นไม่อาจเกิดขึ้นได้จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงลำพัง เราจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนในความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่ ผู้นำศาสนา และพี่น้องประชาชนคนในพื้นที่ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมเสริมสร้างความมั่นคง ความสงบ และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนชายแดนใต้

        ทางด้าน พันเอก จตุพร ธานีพัฒน์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ ๔๑ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้บังคับใช้กฎหมายห้วงเดือนตุลาคมถึงปัจจุบันรวม ๓๒ ครั้ง สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ๓๒ คน และออกหมายจับตามกฎหมาย ป.วิอาญาทั้งหมด ๑๐ คน มีคดีที่น่าสนใจปัจจุบันทั้งหมด ๓ คดี จนนำมาซึ่งติดตามตัวผู้ต้องสงสัยมาดำเนินการซักถามขยายผลทราบถึงเครือข่ายของพื้นที่ ตำบลบันนังสตา จังหวัดยะลา ตลอดจนสามารถขยายผลเหตุยิงนายกเทศมนตรีตำบลรือเสาะ มีผู้ร่วมขบวนการให้การยอมรับผ่านการฝึกงานและมีผู้ร่วมสมาชิก ๒๐ คน ได้รับสั่งการจากแกนนำกลุ่มขบวนการซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย ใช้เส้นทางผ่านด่านศุลกากรตากใบไปยังด่านศุลกากรเป็งกาลันกูโบในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ถูกต้องตามกฎหมายด้วยหนังสือผ่านแดน (Border Pass) หวังสร้างสถานการณ์ โดยเฉพาะการบ่มเพาะผ่านสื่อสังคมออนไลน์

        ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ ๔ / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ โทร ๐๖๑-๑๗๓๒๙๙๙ หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค ๔ สน. ๑๓๔๑ และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง รวมทั้ง ขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๒ ปี หรือปรับไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ