นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเปิดเผยถึงการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับคณะทูตประเทศสมาชิกอาเซียน ภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ในจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความตึงเครียดชายแดนเมื่อวันที่ ๑๖ ส.ค.ที่ผ่านมา
คณะได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด และตรวจสอบหลักฐานที่บ่งชี้ว่ากัมพูชามีการลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ในดินแดนไทย อันเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน รวมถึงเป็นการโจมตีพลเรือนอย่างไม่เลือกเป้าหมายในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า การกระทำดังกล่าวของกัมพูชา ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาเป็นภาคี อีกทั้งยังเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง
กต. ได้ดำเนินการประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชาทุกครั้ง รวมถึงทำหนังสือถึงมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน เพื่อแจ้งการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะเดียวกันในเวทีสหประชาชาติ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยได้ผลักดันให้ประชาคมโลกตระหนักถึงการละเมิดอนุสัญญาของกัมพูชา และเรียกร้องให้ยุติการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างไร้มนุษยธรรม
นอกจากนี้ ไทยยังได้แจ้งต่อเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อขอให้กัมพูชาชี้แจงภายใต้มาตรา ๘ วรรค ๒ ของอนุสัญญาออตตาวา พร้อมทั้งแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาไม่ยอมรับข้อเสนอของไทยในการร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด แม้จะมีการหารือภายใต้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC)
นายนิกรเดช ยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้แสดงหลักฐานชัดเจนทั้งทุ่นระเบิดที่ยังไม่ได้ติดตั้ง ทุ่นระเบิดที่ถูกติดตั้งแล้ว รวมถึงชิ้นส่วนที่ก่อให้เกิดบาดเจ็บสาหัสแก่ทหารไทย หลักฐานทั้งหมดถูกเก็บจากพื้นที่ที่ทหารกัมพูชาเคยตั้งกำลัง จึงไม่มีการบิดเบือนหรือจัดฉากตามที่กัมพูชากล่าวหา
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า “การสื่อสารของกัมพูชาแสดงถึงความย้อนแย้งระหว่างคำพูดกับการกระทำอย่างชัดเจน” พร้อมย้ำว่าไทยยังคงเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วยความจริงใจ และเดินหน้าสร้างความเข้าใจกับประชาคมโลกผ่านเวทีระหว่างประเทศ
ขณะที่กองทัพไทยกำลังอำนวยความสะดวกให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารจาก ๘ ประเทศอาเซียน รวม ๑๔ คน ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ระหว่างวันที่ ๑๗–๒๐ สิงหาคม เพื่อสังเกตการณ์การปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและตรวจสอบหลักฐานในพื้นที่จริง รวมถึงเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิด
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ ๑๑–๑๔ สิงหาคม คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ได้ลงพื้นที่สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เพื่อเก็บข้อมูลความเสียหายและสัมภาษณ์ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งสะท้อนถึงความโปร่งใสและความพร้อมของไทยในการให้ความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ
นายนิกรเดช ย้ำว่า ไทยยังคงมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชาโดยสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เช่น RBC, GBC และ JBC ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในอนาคตอันใกล้ พร้อมขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร เพื่อป้องกันการถูกชักจูงด้วยข่าวปลอม และช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการหาทางออกอย่างสันติ
ข่าว nbt