(๑๗ ส.ค. ๖๘) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่่ ๑๓ ส.ค. ๖๘ เวลาประมาณ ๑๑.๔๕ น. นางคำพันธ์ ธรรมนาม อายุ ๕๖ ปี ลูกจ้างประจำตำแหน่งพนักงานกวาด บ๒ ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตจอมทอง ประสบอุบัติเหตุรถโดยสารประจำทาง เฉี่ยวชนขณะปฏิบัติหน้าที่เหตุเกิดบนถนนวุฒากาศ ฝังเลขคู่ บริเวณทางเข้าวัดนางนองวรวิหาร หน้าโรงเรียนวัดนางนอง (พิพัฒน์) ได้รับบาดเจ็บ ขาข้างขวาหักกระดูกบริเวณข้อเท้าแตกถึงใต้เข่าแตก
อาการเบื้องต้น รู้สึกตัวดีเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทหารเรือ และได้รับการส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช เนื่องจากขาข้างขวากระดูกแตกละเอียดไม่สามารถต่อกระดูก และเส้นเลือดได้ แพทย์ทำการรักษาโดยการผ่าตัดขาข้างขวาถึงบริเวณใต้เข่าออก เพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ การผ่าตัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและพนักงานรายดังกล่าวปลอดภัยดี
ปัจจุบัน อาการดีขึ้นตามลำดับ กำลังใจดี ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานเข้าเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ และได้รับแจ้งจากแพทย์ว่าในวันจันทร์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๘ จะทำการตัดแต่งแผลขาที่ผ่าตัดออกไปเพื่อป้องกันการติดเชื้ออีกครั้ง
โฆษกฯ กทม. กล่าวว่า กรณีลูกจ้างสูญเสียอวัยวะ เพราะเหตุปฏิบัติงานในหน้าที่ สามารถขอเงินทำขวัญได้ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทำขวัญ ข้าราชการ และลูกจ้าง พ.ศ.๒๕๔๖ หากแขนขาดหนึ่งข้าง ให้ ๒๔.๕ เท่าของค่าจ้าง ขาขาดหนึ่งข้างให้ ๒๒.๕ เท่าของค่าจ้าง ฯลฯ โดยหน่วยงานต้นสังกัดเสนอเรื่องไปที่สำนักการคลังพิจารณาได้
ทั้งนี้ สำนักงานเขตจอมทอง ได้มีการติดตามอาการของพนักงานรายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และได้ติดตามความก้าวหน้าของคดีความ ที่สถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียน และได้ประสานงานบริษัทประกันของบริษัท พรูเด็นเชียล ที่ กทม. ได้ทำประกันกลุ่มไว้ให้กับพนักงานทุกคน ขณะนี้ได้เขียนคำขอรับสิทธิประโยชน์ไว้แล้ว รอหนังสือรับรองการรักษาจากแพทย์ เนื่องจากอยู่ระหว่างการรักษา
โฆษกฯ กทม. ย้ำว่า อุบัติเหตุครั้งนี้สะท้อนถึงความเปราะบางของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานบนถนน จึงขอความร่วมมือจากผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนในการรักษาวินัยจราจร เพิ่มความระมัดระวัง ลดความเร็ว และเคารพสิทธิของผู้ใช้ถนนทุกกลุ่ม เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยและสร้างความปลอดภัยให้กับทุกชีวิตบนถนน
“ถนนเป็นพื้นที่สาธารณะที่เราทุกคนต้องใช้ร่วมกัน จึงอยากขอความร่วมมือจากประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ให้เพิ่มความระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะบนถนนยังมีผู้เปราะบาง เช่น คนเดินเท้า คนปั่นจักรยาน เด็ก ผู้สูงอายุ รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อเมืองที่น่าอยู่ของพวกเราทุกคน ความประมาทเพียงเสี้ยววินาทีอาจหมายถึงการสูญเสียอวัยวะ ความสามารถในการทำงาน หรือเสาหลักของครอบครัวที่ต้องเผชิญความยากลำบาก การเคารพกฎจราจรและการงดใช้ความเร็ว จึงเป็นวิธีสำคัญในการลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้” โฆษกฯ กทม. กล่าว