รัฐบาล ย้ำ ไทยถูกละเมิดอธิปไตยกรณีทหารเหยียบทุ่นระเบิด พร้อมยืนยัน งบประมาณด้านความมั่นคงมีเพียงพอ หากกองทัพมีความจำเป็นหรือขาดสิ่งใด สามารถเสนอขอรับการสนับสนุนได้โดยตรง

เผยแพร่เมื่อ ๑๖ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า" ถึงเหตุการณ์เมื่อ ๒ วันที่ผ่านมา ที่มีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ในพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นรายที่ ๕ หลังจากการหยุดยิงเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีการสันนิษฐานว่าทุ่นระเบิดดังกล่าวอาจถูกวางไว้ก่อนการหยุดยิง โดยฝ่ายกัมพูชายังคงปฏิเสธความเกี่ยวข้อง และอ้างว่าทุ่นระเบิดไม่ใช่ของกัมพูชา แต่ฝ่ายไทยยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการละเมิดอธิปไตย และขัดต่อหลักมนุษยธรรม พร้อมชี้ว่า การใช้ทุ่นระเบิดบุคคลถือเป็นการสู้รบที่ไม่เป็นธรรม และผิดพันธกรณีตาม อนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศให้ทุกประเทศร่วมกันเก็บกู้และยุติการใช้ทุ่นระเบิด พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หากกัมพูชายืนยันว่าไม่มีการใช้ทุ่นระเบิดใหม่ ก็ควรลงนามในข้อตกลง GBC เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคมที่ผ่านมา ที่มีการหารือ ๒ ประเด็นสำคัญ คือ การแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน แต่จนถึงขณะนี้กัมพูชายังไม่เข้าร่วมลงนาม


อีกประเด็นหนึ่ง กรณีข่าวว่ากองทัพภาคที่ ๒ ขอรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงเพื่อใช้ในพื้นที่ชายแดน ทำให้เกิดความกังวลว่ารัฐบาลขาดงบประมาณด้านความมั่นคงนั้น นายจิรายุเปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลได้หารือ และทำความเข้าใจกับกองทัพภาคที่ ๒ แล้ว โดยยืนยันว่าการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และสิ่งจำเป็นต่อการป้องกันประเทศสามารถดำเนินการได้ทันที และเบิกจ่ายงบประมาณย้อนหลังได้ หากกองทัพมีความจำเป็นหรือขาดสิ่งใด สามารถเสนอขอรับการสนับสนุนได้โดยตรง รัฐบาลพร้อมใช้งบกลางช่วยเหลือเต็มที่ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและศักยภาพในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยรัฐบาลยืนยันว่า งบประมาณด้านความมั่นคงมีเพียงพอ และจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อดูแลความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างเข้มงวด


ข่าว ทรัพย์ทวี ศรีวิบูลย์  สวท.