วันนี้ (๑๓ ส.ค.๖๘) เวลา ๑๐.๐๐ น. ที่สำนักงานใหญ่ ป.ป.ช.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็นเพื่อชี้มูลความผิด ๙ สมาชิกวุฒิสภาที่เป็นแกนนำในการล่าลายมือชื่อสมาชิกวุฒิสภา ๒๑ ท่าน เพื่อขอให้ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพการเป็นสมาชิกวุฒิสภาจำนวน ๑๓๖ คน สิ้นสุดลงหรือไม่ ซึ่งปรากฏว่ามีสมาชิกวุฒิสภาอย่างน้อย ๒ ใน ๒๑ คน ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยเซ็นชื่อดังกล่าว จึงเชื่อว่าเป็นลายเซ็นปลอม แกนนำผู้ล่าลายชื่อย่อมทำผิดกฎหมายอาญา และถือได้ว่าฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่ต่างอะไรกับการเสียบบัตรแทนกัน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๖ ส.ค.๖๘ มีกลุ่มแกนนำสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่งยื่นคำร้องถึงประธานวุฒิสภา ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพการเป็นสมาชิกวุฒิสภาจำนวน ๑๓๖ คน สิ้นสุดลงหรือไม่ แต่ปรากฏว่าในวันเดียวกัน มีสมาชิกวุฒิสภา ๒ ท่าน คือนายธณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี และนายเดชา นุตาลัย ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ลงลายมือชื่อดังกล่าว โดยนายธณัชญ์พงศ์ได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.บางโพ ส่วนนายเดชา ได้ทำบันทึกไปยังสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิเสธการลงชื่อดังกล่าวแล้ว
การปลอมลายเซ็นในเอกสารราชการ ถือเป็นความผิดที่มีบทลงโทษรุนแรงตามกฎหมายของไทย โดยเฉพาะเมื่อเอกสารนั้นเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการ หรือการดำเนินการที่มีผลต่อสิทธิ์และผลประโยชน์ของประชาชนและหน่วยงานต่างๆ เนื่องจากเอกสารราชการมีความสำคัญและมีผลผูกพันทางกฎหมายสูง การปลอมแปลงจึงถือเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของระบบนิติบัญญัติและอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างกว้างขวาง และอาจมีความผิดทางอาญา อาทิ มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๗, ๒๖๘ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี ปรับไม่เกิน ๖ หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่ง สว.ที่ร่วมกันดำเนินการดังกล่าวย่อมถือว่าเป็น "ตัวการร่วม" ตาม ปอ.มาตรา ๘๓ อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่งอีกด้วย
นอกจากนั้น ผู้ที่เป็นแกนนำในการรู้เห็นการปลอมลายเซ็นดังกล่าวศรีสุวรรณ ระบุว่า ตรวจสอบเบื้องต้นน่าจะประมาณ ๙ ท่าน น่าจะถือได้ว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระได้กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๙ หลายข้อ อาทิ ข้อ ๖ ข้อ ๗ ข้อ ๘ ข้อ ๑๑ ข้อ ๑๒ ข้อ ๑๕ ข้อ ๑๗ ข้อ ๒๑ ประกอบข้อ ๒๗ ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะไต่สวนและชี้มูลความผิด ก่อนที่จะเสนอให้ศาลฎีกาพิจารณาลงโทษ ซึ่งความผิดไม่ต่างอะไรกับกรณีการเสียบบัตรแทนกัน ซึ่งศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาอดีต ส.ส.ที่เคยฝ่าฝืนมาแล้ว ตาม พรป.ป.ป.ช.๒๕๖๑ มาตรา ๑๗๒ จำคุก ๑ ปี ปรับ ๑๐๐,๐๐๐ บาท และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป รวมทั้งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดอีก