พาณิชย์ เร่งปรับโครงสร้างการส่งสินค้าส่งออก รับมือปัจจัยเสี่ยง

เผยแพร่เมื่อ ๑๔ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

การรับมือ ปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบภาคการส่งออกของไทย กระทรวงพาณิชย์  เร่งสนับสนุนผู้ประกอบการ ปรับโครงสร้างสินค้า และตลาดส่งออกของไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในตลาดโลก  โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค.  ร่วมกับ ศูนย์วิจัยความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนา คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้สรุป ผลการศึกษา “โครงการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างภาคการส่งออก เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยในตลาดโลกให้เติบโตอย่างยั่งยืน” เพื่อหาแนวทางการยกระดับภาคการส่งออกให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นและระบุสินค้าส่งออกศักยภาพที่มีโอกาสทางการตลาด รวมถึงมีมูลค่าเพิ่มสูง  ก่อนจะจัดทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการกำหนดแนวทางยกระดับมูลค่าการส่งออกของประเทศ


นางสาวณิชชาภัทร กาญจนอุดมการ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์การพัฒนาความสามารถทางการแข่งขัน  สนค.  บอกว่า ภาคการส่งออกไทย เจอความท้าทายของทั้งปัจจัยภายใน และภายนอก แต่ถือเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยในปี ๒๕๖๗ สร้างรายได้เข้าประเทศ กว่า  ๑๐.๕ ล้านล้านบาท  โดยภาคการผลิตของไทย ยังคงผลิตสินค้าแบบดั้งเดิมไม่ตอบโจทย์กระแสโลกที่เปลี่ยนไป รวมถึง ยังไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ต่อเทคโนโลยีใหม่และยังมีปัจจัยความท้าทายจากภายนอก  เช่น สหรัฐประกาศปรับขึ้นภาษี รวมถึงความขัดแย้งในโลก


สำหรับการศึกษาครั้งนี้ ได้มุ่งไปที่อุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็นดาวรุ่ง เนื่องจากโครงสร้างการส่งออกไทยในช่วงเกือบ ๑๐ ปีที่ผ่านมา (๕๘-๖๗) ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยสินค้าอุตสาหกรรมคิดเป็น ๘๐% ของภาคการส่งออกรวมประเทศ 

จึงเน้นที่ คลัสเตอร์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ พบว่า ไทย ยังอยู่ในอุตสาหกรรมนี้แค่ช่วงปลายน้ำ ดังนั้น ผู้ประกอบการ ควรขยับไปอยู่ใน โซนกลางน้ำ และต้นน้ำให้ได้ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตยั่งยืน และคลัสเตอร์ ยานยนต์แห่งอนาคต พบว่า ไทย เริ่มเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนสำคัญมากขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย จากการขยับสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต 


ส่วนการกระจุกตัวของตลาดส่งออก หลังเจอมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ทุกคน หันมาตระหนักถึงการลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ให้น้อยลง และพยายามกระจายไปสู่อาเซียนมากขึ้น 


อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่า การส่งออกในปีนี้จะไม่พลาดเป้าที่ ๒-๓% แม้ในช่วงครึ่งปีหลัง เผชิญกับปัจจัยท้าทายหลายด้านก็ตาม เพราะในช่วงครึ่งปีแรกการส่งออกเติบโตสูง ถึง ๑๕%  โดยโครงการต่อเนื่องในระยะต่อไป จะศึกษาสินค้าเกษตรอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง และจะมีการนำเสนอเชิงนโยบาย ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับใช้ให้เป็นรูปธรรม


ข่าวอโนชา อู่สุวรรณ nbt