สว.พบประชาชน ภาคเหนือ (ตอนบน) พบเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก สาย รวก โขง ณ จังหวัดเชียงราย
🕓 เผยแพร่เมื่อ ๑๗ ส.ค. ๒๕๖๘
หมวดหมู่ข่าว: crime
วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา ณ บ้านสิหไคล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงรายคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กลุ่มภาคเหนือ (ตอนบน) นำโดยนายพละวัต ตันศิริ รองประธานคณะกรรมการฯ ลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อมูลต่าง ๆ ของประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาดำเนินการภายใต้บทบาทหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภา ในประเด็นปัญหา เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก สาย รวก โขง ให้ข้อมูลภาพรวมกรณีแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง มีการปนเปื้อนสารพิษโลหะหนัก โดยจุดเริ่มต้นคือชาวบ้านที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำ มีการสังเกตเห็นว่าสีของแม่น้ำมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสีน้ำตาลแดง พร้อมกับพบว่าปลาที่มีการจับมาจากแม่น้ำดังกล่าว มีตุ่มพุพองบริเวณผิวหนัง ใต้ครีบ และใต้ปาก ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ประชาชนจึงเริ่มมีการค้นหาข้อมูล โดยพบว่าจากภาพถ่ายทางดาวเทียมบริเวณประเทศเมียนมาร์ที่มีอาณาเขตติดกับจังหวัดเชียงรายของประเทศไทย มีการเปิดหน้าดินคล้ายกับการมีทำอุตสาหกรรมเมืองแร่ขนาดใหญ่หลายแห่งอยู่ต้นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขง จึงสงสัยว่าจะเป็นต้นเหตุของสถานการณ์ดังกล่าว ตลอดจนผลจากการตรวจน้ำของกรมควบคุมมลพิษจากแม่น้ำโขง แม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำสาย และลำน้ำสาขา พบว่ามีสารหนูและสารพิษโลหะหนักปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งจังหวัดเชียงราย มีประชากรกว่า ๑.๒ ล้านคน และลุ่มแม่น้ำกกเป็นเกษตรกรกว่า ๗๒,๐๐๐ ราย บนเนื้อที่กว่า ๘๐,๐๐๐ กว่าไร่ เช่นเดียวกับแม่น้ำสาย-น้ำรวก ที่มีประชาชนใช้ประโยชน์เป็นจำนวนมาก แต่นับตั้งแต่มีการตรวจพบสารหนูในแม่น้ำกกครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๔ มี.ค. ๖๘ ประชาชนมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมากถึงผลกระทบของการใช้น้ำทั้งในการอุปโภคบริโภคการเกษตรกรรม การปศุสัตว์ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมระบบนิเวศที่อยู่ภายในแม่น้ำ
.
ทั้งนี้ กลุ่มเครือข่ายประชาชนฯ ได้มีการเรียกร้องไปยังรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีการประสานงานไปยังองค์การระหว่างประเทศเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ จึงขอเสนอมายังสมาชิกวุฒิสภา ในการประสานงานไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
.
การลงพื้นที่พบประชาชนในครั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้รับฟังข้อเสนอจากกลุ่มเครือข่ายประชาชนฯอย่างรอบด้าน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณา การแก้ไขปัญหาตามกลไกของวุฒิสภา ตลอดจนการนำข้อมูลส่งต่อไปยังคณะกรรมาธิการวุฒิสภาที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่าง ๆ ทั้งนี้ การที่สมาชิกวุฒิสภามาจากกลุ่มอาชีพต่าง ๆ จำนวน ๒๐ กลุ่ม อาทิ กลุ่มอาชีพเกษตรกร อุตสาหกรรม กลุ่มข้าราชการ ฯลฯ ประกอบกับการเป็นคนพื้นถิ่นของแต่ละจังหวัด ส่งผลให้มีความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง สามารถแก้ไขให้ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และยั่งยืน
✍️ ฤทธิรณ ปัญญากาบ รายงาน