เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๘ เวลา ๒๒.๐๐ น. บรรยากาศในพื้นที่อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร เต็มไปด้วยความเข้มแข็งและจริงจังของการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยว่าที่ร้อยตรี ขรรค์ไชย ทันธิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ได้นำทีมชุดปฏิบัติการจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการ ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากที่ทำการปกครองจังหวัดยโสธร, กลุ่มงานความมั่นคง, สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (กอ.รมน.), ที่ทำการปกครองอำเภอเลิงนกทา และสถานีตำรวจภูธรเลิงนกทา ที่เป็นการผนึกกำลังเข้าตรวจสอบสถานบริการและสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการอย่างเข้มข้น สกัดกั้นยาเสพติด ห้วงสัปดาห์สีแดง ระหว่างวันที่ ๘ - ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๘ ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ภายใต้ปฏิบัติการ "No Drugs No Dealers" และ "๘ Quick wins" ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างชุมชนปลอดยาเสพติด โดยนายชาญชัย ศรศรีวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ทำงานเชิงรุกเพื่อกวาดล้างยาเสพติดให้สิ้นซาก
ว่าที่ร้อยตรี ขรรค์ไชย ทันธิมา
รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร กล่าวขณะลงพื้นที่ว่า การปฏิบัติการในวันนี้เป็นไปตามข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร
ที่ต้องการให้ทุกตารางนิ้วของยโสธรเป็นพื้นที่ปลอดภัย
สร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว เราจริงจังกับการแก้ปัญหายาเสพติด
และขอความร่วมมือผู้ประกอบการทุกแห่งให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ห้ามไม่ให้มีการใช้หรือจำหน่ายยาเสพติดในร้านของท่านโดยเด็ดขาด โดยในการเข้าตรวจค้น
เจ้าหน้าที่ได้ทำการสุ่มตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในกลุ่มพนักงานและผู้มาใช้บริการ
รวมทั้งสิ้น ๑๖ ราย ซึ่งผลปรากฎว่าไม่พบผู้ใดมีสารเสพติดในร่างกาย
นอกจากนี้
เจ้าหน้าที่ยังได้กำชับให้ผู้ประกอบการทุกร้านปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด
ทั้งเรื่องเวลาเปิด-ปิด, การห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปีเข้าใช้บริการ, การป้องกันการค้ามนุษย์, การพนัน และการพกพาอาวุธเข้ามาในสถานบริการ ซึ่งปฏิบัติการในอำเภอเลิงนกทาครั้งนี้
เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหว ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของจังหวัดยโสธร ในการปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดปฏิบัติการในลักษณะเดียวกันในพื้นที่อำเภอเมืองยโสธรมาแล้ว
และทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ใหญ่ที่ต้องการคืนความสุขและความปลอดภัยให้แก่สังคม
สร้างอนาคตที่ดีให้แก่เยาวชนและชาวจังหวัดยโสธรทุกคนอย่างยั่งยืน