ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เดินหน้าช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง-นาปี ไร่ละ 1,000 บาท พร้อมจัดมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก กรอบวงเงินรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท
🕓 เผยแพร่เมื่อ ๐๒ ก.ย. ๒๕๖๘
หมวดหมู่ข่าว: agriculture
ธ.ก.ส. เดินหน้าช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง-นาปี กว่า ๔.๖๓ ล้านครัวเรือน ได้แก่ โครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๖๘ โครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะกับศักยภาพพื้นที่ ปีการผลิต ๒๕๖๘/๖๙ กรอบวงเงินรวมกว่า ๕ หมื่นล้านบาท
โดยสนับสนุนเงินช่วยเหลือไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท ครัวเรือนละไม่เกิน ๑๐ ไร่ รวมสูงสุดไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท โอนเงินรอบแรกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป วงเงินรวมกว่า ๒ หมื่นล้านบาท เกษตรกรผู้รับประโยชน์กว่า ๒.๔๘ ล้านราย พร้อมจัดมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๖๘/๖๙ ได้แก่ สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โดยรัฐบาลชำระดอกเบี้ยแทนเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร พร้อมสนับสนุนค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกอีก ๑,๕๐๐ บาทต่อตัน และสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๖๘/๖๙ สถาบันฯ ชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๑ ต่อปี ส่วนที่เหลือรัฐบาลและ ธ.ก.ส. รับชำระดอกเบี้ยแทน ตั้งเป้ารองรับปริมาณข้าวเปลือกรวม ๔.๕ ล้านตัน
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ลดค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูกข้าว รวมถึงสนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีแรงจูงใจในการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพของการผลิตข้าว ธ.ก.ส. พร้อมดำเนินงานตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๘ และที่ประชุมคณะกรรมการ
ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๘ โดยมี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เป็นประธานในที่ประชุม ได้เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๖๘ และโครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและส่งเสริม การเพาะปลูกให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ปีการผลิต ๒๕๖๘/๖๙ จำนวนรวมกว่า ๔.๖๓ ล้านครัวเรือน โดยพร้อมสนับสนุนเงินช่วย/เหลือให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต ๒๕๖๘/๖๙ ในอัตราไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท ครัวเรือนละไม่เกิน ๑๐ ไร่ หรือไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท สำหรับผู้ปลูกข้าวนาปรัง ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๘ จนถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ และสำหรับผู้ปลูกข้าวนาปี ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๘ – ๓๐ กันยายน ๒๕๖๙ ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบสถานะโอนเงินและจำนวนเงินที่ได้รับได้ทาง https://govtransfer.baac.or.th หรือ Line Official : @baacfamily
สำหรับการโอนเงินให้เกษตรกร ธ.ก.ส. ได้จัดทำแผนการโอนเงินให้แก่เกษตรกรรอบแรก ตามรายชื่อผู้ที่ ขึ้นทะเบียนสำเร็จจากกรมส่งเสริมการเกษตร โดยจะเริ่มโอนเงินครั้งแรกตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๘ เป็นต้นไป กรอบวงเงินรวม ๒ หมื่นล้านบาท เกษตรกรผู้รับประโยชน์กว่า ๒.๔๘ ล้านราย โดยมีรายละเอียดการโอนเงิน ดังนี้ สำหรับโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๖๘ ธ.ก.ส. จะดำเนินการโอนเงินไปยังเกษตรกรทั่วประเทศในวันจันทร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๘ จำนวนเกษตรกรผู้ได้รับประโยชน์ จำนวน ๗๖๙,๔๖๑ ราย กรอบวงเงินกว่า ๖,๒๘๐ ล้านบาท และโครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ปีการผลิต ๒๕๖๘/๖๙ ธ.ก.ส. จะดำเนินการโอนเงินแบ่งเป็น ๓ รอบตามภูมิภาค ได้แก่ รอบที่ ๑ : วันอังคารที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๘ เกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน ๒๘๖,๘๓๑ ราย กรอบวงเงิน ๒,๔๕๙ ล้านบาท รอบที่ ๒ : วันพุธที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๘ เกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน ๑,๒๙๑,๒๙๘ ราย กรอบวงเงิน ๑๐,๕๘๖ ล้านบาท และรอบที่ ๓ : วันพฤหัสบดีที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๘ เกษตรในภูมิภาคอื่น ๆ ที่เหลือ จำนวน ๑๓๗,๔๗๘ ราย กรอบวงเงิน ๑,๒๕๔ ล้านบาท ทั้งนี้ ส่วนที่เหลือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะดำเนินการตรวจสอบและยืนยันการผลิตข้าวจากเกษตรกร และหลังจากได้รับการยืนยัน จะดำเนินการส่งข้อมูลให้กับ ธ.ก.ส. เพื่อดำเนินการโอนเงินช่วยเหลือต่อไป
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. พร้อมเติมทุนสนับสนุนผ่านมาตรการรักษาเสถียรภาพข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๖๘/๖๙
กรอบวงเงินรวมกว่า ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ได้แก่ สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงินรวม ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อป้องกันผลผลิตข้าวเปลือกล้นตลาด รวมถึงส่งเสริมให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางจนกว่าจะถึงช่วงที่ขายได้ราคาดี โดยรัฐบาลชำระดอกเบี้ยแทนเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เกษตรกรกู้ได้รายละ
ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท สหกรณ์การเกษตรและชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งละไม่เกิน ๓๐๐ ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรแห่งละไม่เกิน ๒๐ ล้านบาท และวิสาหกิจชุมชนแห่งละไม่เกิน ๕ ล้านบาท เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรไม่ต้องชำระดอกเบี้ย เนื่องจากรัฐบาลรับภาระในการชำระดอกเบี้ยแทน ตั้งเป้าหมายรองรับปริมาณข้าวเปลือกจากท้องตลาด
๓ ล้านตัน โดยมีประเภทข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิในเขต ๒๓ จังหวัด ได้แก่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒๐ จังหวัด และภาคเหนือ ๓ จังหวัด (เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา) ข้าวเปลือกหอมมะลิ
นอกเขต ๒๓ จังหวัด ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุมธานีและข้าวเปลือกเหนียว นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังพร้อมสนับสนุน
ค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกให้อีก ๑,๕๐๐ บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรเก็บข้าวเองได้รับ ๑,๕๐๐ บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรฝากข้าวกับสถาบันเกษตรกร เกษตรกรจะได้รับ ๕๐๐ บาทต่อตัน และสถาบันฯ จะได้รับ ๑,๐๐๐ บาท
ต่อตัน โดยแจ้งความประสงค์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และทำสัญญาภายใน ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๙
และสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงินรวม ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท
เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้สถาบันเกษตรกรในการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกร หรือการนำผลผลิตมาแปรรูป
สร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อจำหน่ายในตลาด โดยสถาบันฯ ชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๑ ต่อปี ส่วนที่เหลือรัฐบาลและ ธ.ก.ส.
รับชำระดอกเบี้ยแทน ระยะเวลาดำเนินโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๙ และจ่ายเงินกู้ภายใน ๓๐ กันยายน ๒๕๖๙ โดยทั้ง ๒ โครงการ ตั้งเป้ารองรับปริมาณข้าวเปลือกรวม ๔.๕ ล้านตัน นอกจากนี้ สำหรับเกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล สามารถเข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๘/๖๙ ได้ตามปกติ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center ๐๒ ๕๕๕ ๐๕๕๕
✍️ สำนักข่าวไทเกอร์นิวส์ รายงาน