"อรรถกร"ขึ้นติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพล และอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดตาก พร้อมกำชับกรมฝนหลวงและการบินเกษตรและกรมชลประทานบูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านน้ำของประชาชน

เผยแพร่เมื่อ ๑๗ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

   นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นาย อิทธิ ศิริลัทยากร ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นายราเชนทร์ ศิลปรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และ นายวิณโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ขึ้นเครื่องบินฝนหลวง รุ่น L-๔๑๐NG ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ล่าสุดของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่ได้รับมอบจากสาธารณรัฐเช็ค และเป็นเครื่องบินที่ติดตั้งระบบเฉพาะเพื่อการดัดแปรสภาพอากาศรุ่นใหม่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ในการตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก พร้อมกล่าวว่า วันนี้ถือเป็นปฏิบัติการแรกของเครื่องบินลำดังกล่าว จากรายงานทราบว่าสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลขณะนี้มีปริมาณน้ำอยู่ที่ประมาณร้อยละ ๕๐ ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่กรมชลประทานสามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งได้มอบหมายให้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร และกรมชลประทานบูรณาการการทำงานร่วมกัน  อย่างใกล้ชิดมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำอื่นๆในพื้นที่จังหวัดตากที่จะสามารถเพิ่มศักยภาพในการเก็บน้ำในพื้นที่ได้มากขึ้นอีกขึ้น ซึ่งจากการดำเนินการของ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร สามารถเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และเชื่อว่าเครื่องบิน L-๔๑๐NG จํานวน ๒ ลําที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้รับมอบเข้ามาประจำการจะเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการฝนหลวงและการดัดแปรสภาพอากาศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและบรรเทาปัญหาด้านสภาพภูมิอากศ และมลพิษได้อย่างยั่งยืน

รูปภาพ

ด้านนายราเชนทร์ ศิลปรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จ.เชียงราย จ.พะเยา จ.น่าน และ จ.เชียงใหม่ ในหลายพื้นที่มีปริมาณฝนเพียงพอแล้ว แต่บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ จ.ลําพูน จ.ตาก จ.สุโขทัย จ.กําแพงเพชร จ.พิษณุโลก จ.พิจิตร และ จ.เพชรบูรณ์ ยังต้องการน้ําเร่งด่วนเพื่อรักษาผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้วางแผนปฏิบัติการอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่อุทกภัย และมุ่งเน้นช่วยเหลือให้ตรงพื้นที่ ที่ต้องการน้ําในภูมิภาคอื่นๆ ///ทั้งนี้สำหรับผลการปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘ กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ขึ้นบินปฏิบัติการจํานวน ๑๔๖ วัน ๑,๘๖๕ เที่ยวบิน มีฝนตกจากการปฏิบัติการถึงร้อยละ ๙๑.๘๔ ครอบคลุมพื้นที่ เกษตรกว่า ๒๑ ล้านไร่ และสามารถเติมน้ําเขื่อนสําคัญในภาคเหนือหลายแห่งอีกด้วย

รูปภาพ