สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังฝนตกหนักในระยะนี้ ส่งผลให้หลายพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง

เผยแพร่เมื่อ ๑๖ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังฝนตกหนักในระยะนี้ ส่งผลให้หลายพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง
            นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากในระยะนี้จนถึงวันที่ ๑๘ สิงหาคม ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางด้วย ส่งผลให้หลายพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง คือ ภาคเหนือ บริเวณ จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.พะเยา จ.น่าน จ.ตาก จ.พิษณุโลก จ.เพชรบูรณ์ // ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จ.เลย จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ จ.อุดรธานี จ.สกลนคร จ.อุบลราชธานี // ภาคตะวันออก บริเวณ จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี จ.ตราด // ภาคใต้ บริเวณ จ.ชุมพร จ.ระนอง จ.พังงา จ.ภูเก็ต
          รวมทั้ง ต้องเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ ๘๐ ของความจุเก็บกัก และขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนผาจุก จ.อุตรดิตถ์ // เขื่อนนเรศวร จ.พิษณุโลก ให้สอดคล้องเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด ควบคู่กับระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ระดับน้ำล้นตลิ่ง และท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำอิง และแม่น้ำยม เช่นเดียวกับกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาด้านท้ายเขื่อน บริเวณ จ.อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา