“จตุพร” เดินหน้าช่วยเกษตรกร ลดต้นทุนผ่านโครงการ “ธงเขียว” เพิ่มช่องทางตลาดลำไย พร้อมเสนอมาตรการช่วยเหลือชาวนา ๑๓ ส.ค. นี้

เผยแพร่เมื่อ ๑๒ ส.ค. ๒๕๖๘

ภาพประกอบข่าว

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยเฉพาะสินค้าผลไม้ “ลำไยภาคเหนือ” ที่มีปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ เนื่องจากผลผลิตออกเยอะ โดยเฉพาะ “ลำไยพันธุ์อีดอ” ซึ่งส่วนใหญ่นำไปแปรรูปโดยการอบแห้งเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ แต่สำหรับลำไยสดที่นำมาขายในประเทศจะเป็นลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียวซึ่งมีปริมาณไม่มากนัก ทำให้ราคาขายปลีกในประเทศอยู่ที่กิโลกรัมละ ๕๐–๖๐ บาท


ขณะที่ลำไยพันธุ์อีดอ ผลผลิตออกพร้อมในช่วงเดียวกัน จึงเกิดการกระจุกตัวเนื่องจากโรงงานแปรรูปมีจำกัดประกอบกับกระบวนการอบแห้งที่ต้องใช้เวลา กรมการค้าภายในจึงได้ประสานโรงอบผ่านสมาคมผู้ผลิตลำไยอบแห้งภาคเหนือ ๗ จังหวัด ให้เพิ่มปริมาณการรับซื้อลำไยสด จึงทำให้ขณะนี้ราคารับซื้อลำไยสดขยับขึ้นเป็น ๑๑.๕๐ บาทแล้ว 


กรมการค้าภายในได้เร่งมาตรการกระจายลำไยออกนอกแหล่งผลิต ผ่านกลไกต่างๆ อาทิ จัดกิจกรรม “ลำไย-ปันสุข” ร่วมกับพันธมิตร ซีพีแอ็กตร้าโดยรับซื้อลำไยจากเกษตรกรกว่า ๑,๐๐๐ ตัน จำหน่ายผ่านแม็คโครและโลตัสกว่า ๒,๖๐๐ สาขาทั่วประเทศ และยังมีการเชื่อมโยงกระจายลำไยไปยังตลาดภายในประเทศ ผ่านกิจกรรม “Thai Fruits Festival” เพื่อส่งเสริมการบริโภคลำไยในประเทศ โดยการนำลำไยภาคเหนือลงสู่ภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ ซึ่งสามารถระบายผลผลิตออกจากภาคเหนือได้ปริมาณเยอะ โดยกิจกรรมทั้งหมดนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นช่วงต้นฤดูกาลลำไย


นอกจากนี้ กรมการค้าภายในได้มีแผนบริหารจัดการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางกระจายลำไย อาทิ มอบเป็นของสมนาคุณ โดยร่วมกับสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ กิจกรรมธงฟ้าที่จัดในชุมชนต่างๆ รวมถึงช่องทางจำหน่ายผ่านตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ “ตู้เต่าบิน” และสายการบินแอร์เอเชีย ที่เป็นช่องทางนวัตกรรมใหม่สำหรับลำไย ส่วนด้านการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งผลักดันการส่งออกลำไยไปตลาดใหม่ๆ เช่น อินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่มด้วย


นายจตุพร กล่าวเพิ่มว่า “ในส่วนของสินค้าข้าว โดยจากการลงพื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับฟังปัญหาและพูดคุยกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้แจ้งกับพี่น้องเกษตรกรไปว่ากระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้เตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าว เพื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาโดยด่วน ในวันที่ ๑๓ สิงหาคมนี้ โดยมีโครงการสำคัญ อาทิ การสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๘/๖๙ โครงการประกันภัยข้าวนาปี รวมถึงมาตรการชดเชยไร่ละ ๑,๐๐๐ บาท สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ กระทรวงยังเร่งเจรจาขยายตลาดส่งออกข้าวกับจีน ซาอุดีอาระเบีย และญี่ปุ่น เพื่อช่วยดันราคาข้าวให้สูงขึ้น”


นายจตุพร กล่าวเพิ่มว่า อีกหนึ่งมาตรการสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกร คือ โครงการ “ธงเขียวราคาประหยัด” ของกรมการค้าภายใน (DIT) ที่เน้นช่วยลดต้นทุนการผลิตผ่านการจัดจำหน่ายปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงคุณภาพสูงในราคาประหยัดกว่าท้องตลาด โดยมีปุ๋ยเคมี ๖ สูตรจำหน่ายในราคากระสอบละ ๒๐๐ บาท ลดลงจากราคาปกติอย่างน้อย ๒๐๐ บาทต่อกระสอบ พร้อมยาฆ่าแมลง (ยาดี) ที่จำหน่ายในราคาลดสูงสุดถึง ๖๐% เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้เกษตรกร โดยมีแผนขยายโครงการครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ  ตามนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” กระทรวงฯ จะใช้โครงการ “ธงเขียว” เป็นกลไกสำคัญในการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และดูแลให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าเกษตรราคายุติธรรมอย่างทั่วถึง


“กระทรวงพาณิชย์ขอย้ำว่า จะเดินหน้าทุกมาตรการ ทั้งการดูแลราคาสินค้าเกษตรในประเทศ การเชื่อมโยงตลาด และการเพิ่มช่องทางจำหน่าย เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกรและเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ตามนโยบาย  พาณิชย์พึ่งได้” นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย